เหมือนฟ้าถล่มลงตรงหน้า…ในวันที่นายบอกว่า จะ Lay Off!!
- Published: Jun 28, 2016 18:01
- Writer: CLEO Thailand | 1 viewed
ความฝันที่จะผ่อนบ้าน ฝันที่จะออกรถ ฝันไปเมืองนอก และที่สุดฝันว่าฉันจะเกษียณอายุ เก็บเงินก่อนแก่ ณ ที่แห่งนี้ หายวับไปทันที! เมื่ออยู่ดีๆก็ได้ซองขาวมาตรงหน้า
“น้องจ๊ะ..กล่องมั้ยน้อง?” มุกนี้โดนจริงๆไม่ขำนะ
เรื่องล้อเล่นในออฟฟิศที่ชอบใช้กันเวลาช่วงนายด่า คือมุกแจกกล่อง ลองนึกถึงซีนในหนังที่เวลาลาออกจากงานสิ เราจะเห็นนางเอก พระเอก กวาดทุกอย่างบนโต๊ะลงในกล่องสีน้ำตาลขนาดพอยกได้แค่กล่องเดียวแล้วเดินบ๊ายบายออกไป ซึ่งซีนชีวิตจริงก็เป็นกล่องแบบนี้ล่ะ แต่เรากลายเป็นคนแสดงและขำไม่ออกเท่านั้นเอ
สถานการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นได้เมื่อไร? ตอบได้เลยว่าเกิดขึ้นได้เสมอในภาวะที่เศรษฐกิจประเทศชาติไม่ดี กิจการย่ำแย่ บริษัทขาดทุน หรือมีนโยบายตัดค่าใช้จ่าย ลดจำนวนคน หรือแม้กระทั่งไม่จำเป็นต้องมี ในภาวะนั้นล่ะ คุณจะเริ่มทำงานอย่างไม่ค่อยเป็นสุข แอร์ออฟฟิศหนาวมากกว่าที่เคยเป็น เพราะเวลานั่งทำงานจะหนาวและเสียวสันหลังเป็นวาบๆ สายตาสอดส่าย เพราะต้องลุ้นว่าใครนะ จะเป็นคนต่อไปที่นายเรียกเข้าไปคุย
ยกตัวอยางสถานการณ์ เช่น “เช้าไปทำงาน ก็จับกลุ่มกันแล้วค่ะ อัพเดทสถานการณ์กันตลอดว่า แก ใครไปแล้วมั่งอะ พอนั่งทำงานก็ไม่ต้องคิดงานกันแล้ว คอยมองตลอดว่าหัวหน้าจะเรียกใคร เรานะคอยื่นคอยาวทุกวัน จนวันหนึ่งนายก็เรียกเราเข้าไป พี่เอ๊ย หัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มเลยค่ะ พอเข้าไปนายก็บอกว่า “ไม่ใช่คุณหรอกน่ะ หยุดเลิ่กลั่ก แล้วตั้งใจทำงานได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะใส่ชื่อคุณลงไปเอง เฮ่อ..เจออย่างนั้นทำงานได้เลยค่ะ”
อาการแม่บันนี่น้อยตกใจกลัวก่อนเกิดเหตุแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณก็ได้ แต่ก็ควรรู้ว่าทุกอย่างต้องมีบอกอาการมาก่อน เช่นว่าแอร์ที่บริษัทเริ่มหนาวขึ้นแบบไม่สาเหตุ นั่นอาจจะเป็นเพราะจำนวนคนน้อยลง หรือที่จอดรถเริ่มว่าง จากที่เมื่อก่อนต้องตบตีแย่งกัน และสิ่งบอกเหตุที่เกิดขึ้นก่อนทุกครั้ง(และมักจะส่งผลมากที่สุด) คือ ข่าวเม้าท์! ถึงเวลาจำเป็นที่ต้องเปิดหู เปิดหัวให้กว้าง ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องน่าแปลก คนโดนมักจะไม่ค่อยรู้ตัว ขณะที่คนข้างๆรู้ก่อนตัวเองหมดแล้ว !
3 ขั้นตอนยื่นคำพิพากษา
ไม่ใช่ว่าแค่ขัดใจกัน มองหน้าแล้วไม่ถูกชะตา เจ้านายจะมาไล่เราออกได้ นี่เราเป็นคนออฟฟิศ เป็นมนุษย์เงินเดือนนะค้าคุณ เป็นผู้ใช้แรงงานที่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานดูแลเราอยุ่ ถ้าวันหนึ่งโชคร้ายเจอแจคพ็อต เลย์ออฟก่อนใคร โปรดรู้ไว้ว่า จะเป็นตามขั้นตอนดังนี้
1. บอกล่วงหน้า ก่อนที่จะจ่ายเงินเดือนรอบต่อไป นั่นจึงเป็นที่มาของการบอกล่วงหน้า 30 วัน จะบอกเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบอกเป็นคำพูดก็ได้ แต่ต้องชัดเจนว่า “เลิกจ้าง”จริงๆ อาการประชดประชันของหัวหน้า แล้วบอกว่า “ไสหัวออกไป”นั้น ไม่นับนะคะ
2. ถ้าบอกเลิกจ้างแบบกะทันหัน บริษัทต้องมี “ค่าตกใจ” ซึ่งจะเท่ากับค่าจ้างหนึ่งงวด ส่วนมากก็จะคือเงินเดือน 1 เดือน
3. จ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด
Show me the Money!
แล้วเราจะได้เงินก้อน 10 เดือนเลยใช่มั้ยค้า?
ใจเย็นๆค่ะคุณ มาย์ดเซ็ตของแต่ละคนมักจะเป็นอย่างนั้น แต่โปรดทราบว่าเงินชดเชยที่บริษัทจ่ายนั้น จะจ่ายตามความอยู่นานค่ะ เป็นการจ่ายค่าความจงรักภักดีที่มีต่อบริษัทอยู่นาน ก็รับเยอะกว่าคนอื่น
>> ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน (=เงินเดือน 1 เดือน)
>> ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปีได้ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน (=เงินเดือน 3 เดือน)
>> ทำงานติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปีได้ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน (=เงินเดือน 6 เดือน)
>> ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปีได้ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน (=เงินเดือน 8 เดือน)
>> ทำงานติดต่อกันครบ 10 ปี ขึ้นไป ได้ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน (=เงินเดือน 10 เดือน)
เรื่องเงินๆ ที่ต้องรู้ (กรอบ)
>> เงินที่สะสมมาในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund จะได้ไปเป็นก้อนพร้อมกันทั้งหมดตอนที่คุณออก ในส่วนของคุณที่สะสมมาจะได้ไปทั้งหมด แต่ส่วนของนายจ้างที่สมทบให้นั้น จะได้ตามความอยู่นาน
>> เดือนแรกที่ออกจากงานให้รีบไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงานที่สำนักจัดหางาน สำนักงานประกันสังคม เพื่อที่จะได้รับเงินทดแทนช่วงว่างงาน 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยเดิม เงินทดแทนนี้จะได้ไม่เกิน 180 วันหรือ 6 เดือน
ขอฉันเป็นคนสุดท้ายได้ไหม (ที่จะได้ซองขาว)
ถ้าบริษัทไม่ได้ล้มเลิกกิจการ แค่ลดขนาด แค่ประหยัดค่าใช้จ่าย บริษัทมักจะมีนโยบายลดคนแบบเป็นสัดส่วน อาจจะแค่ 10 – 20 % อารมณ์นี้เหมือนเล่นรัสเซียนรูเล็ต ใครล่ะคือคนที่จะมีได้รับสิทธิพิเศษนั้น แต่ละวันไปทำงานด้วยใจไม่ปกติ นอยด์ขึ้นสมอง ว่าคนต่อไปจะเป็นเราหรือเปล่า หยุดเถอะ! เอาเวลาหนาวสันหลัง มาทำตัวให้แข็งแกร่ง ใครก็มาสอยคุณออกจากเก้าอี้ไม่ได้ และนี่คือลักษณะบุคคลที่เข้าข่ายอันตรายที่จะถูกสอยเป็นรุ่นแรกๆ
1. มีทัศนคติไม่ดีกับเจ้านาย (ไม่ชอบขี้หน้าเจ้านาย) ก็เลยเป็นคนแรกๆที่จะไปก่อน คุณจะปรี๊ดขึ้นมาว่า จะวัดกันได้ยังไงยะว่าทัศนคติชั้นไม่ดีน่ะ? ก็เคยนินทาด่านายแทบฝังดินหรือเปล่าล่ะ
ทำงานช้า มาสาย นอนหลับ โทรศัพท์ กลับก่อน ผลงานน้อย ทั้งหมดที่ว่ามา นายจะเรียกว่า พวกทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ต้องคัดออกเหลือแต่คนที่มีประโยชน์กับบริษัทจริงๆ
2. เพิ่งทำงานใหม่ๆ แปลกใจใช่ไหมล่ะ ทำไมไม่อยากได้คนรุ่นใหม่ไฟแรงเหรอ? ก็อยากได้อยู่หรอก แต่ถ้าบริษัทคิดถึงเรื่องเงินค่าชดเชยเลิกจ้างงานแล้ว ยิ่งอายุงานน้อย ก็จ่ายน้อย และเด็กใหม่ประสบการณ์ยังน้อย ถ้าอยากให้งานเดินต่อไม่สะดุด ก็ต้องให้พี่รุ่นใหญ่อยู่ดีกว่า
3. เงินเดือนแพง อย่าคิดว่าอยู่นานแล้วจะรอด เพราะการลดค่าใช้จ่ายและสวัสดิการผู้บริหารเงินเดือนสูงหนึ่งคน อาจจะช่วยมาเป็นเงินเดือนน้องๆได้อีกหลายคน
4. ป่วยบ่อย สุขภาพไม่ดี ใช่ เรามีสิทธิป่วย สิทธิเจ็บ พนักงานลาป่วยได้ 30 วันต่อปี แต่บริษัทและเจ้านายของคุณ
“ขยัน มีน้ำใจ อยู่กับคนอื่นได้ บุคลิกดี มีฝีมือ คนแบบนี้ล่ะที่จะได้ ไปต่อ”