ทำงานเป็นมืออาชีพอย่างเรา ไม่ทำแบบนี้แน่!
- Published: Jun 29, 2016 17:22
- Writer: CLEO Thailand | 1,576 viewed
ขอยืนยันว่ารายการต่างๆ ต่อไปนี้ มันเข้าข่าย “ไม่โอ”อย่างแรงงง!
บรรดาบอสใหญ่ๆ จากสิงคโปร์คอนเฟริ์มมาเลย งานนี้คลีโอ สิงคโปร์ เลยขออาสารายงานมาฝากสาวออฟฟิศเมืองไทยโดยด่วน (มั่นใจค่ะว่าเราปรับใช้กันได้ เพราะนี่คือ..ข้อห้ามมาตรฐานสากล)
1. ปรี๊ดแตก
“เราเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เทวดาที่ไหน มันก็ต้องมีอารมณ์ขึ้นกันบ้างล่ะ แต่ถ้าเกิดมีความเห็นไม่ตรงกัน แทนที่จะขึ้นเสียง เถียงกันหน้าดำหน้าแดง ลองใช้วิธีแลกเปลี่ยนความคิดกันดีกว่ามั้ย แชร์กันอย่างเคารพและเข้าใจซึ่งกันและกัน แล้วค่อย ๆ แก้ปัญหาร่วมกัน เพราะถ้าคุณเกิดปรี๊ดแตก แล้ววีนใส่เพื่อนร่วมงานไป คุณจะมาเนียน ทำตัวเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ อย่างเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นคือขอโทษ ถึงจะรู้สึกเสียหน้าที่ต้องเข้าไปขอโทษอีกฝ่ายแต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่คุณ ทำได้จริง ๆ และเมื่อขอโทษแล้ว ครั้งต่อ ๆ ไปก็ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้อยู่ อย่าได้หลุดสติแตกในที่ทำงานอีกเด็ดขาดนะครับ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าคำขอโทษอีกร้อยคำก็คงช่วยไม่ได้ แล้วนายคุณจะพาลมีอคติกับคุณไปเลย”
: ลี ชาวน์ หาว ผู้อำนวยการ เลอโนโว สิงคโปร์
วีนแตกไปแล้วจะกู้หน้ากลับยังไงดีล่ะ?
ขอโทษอย่างเป็นทางการ
ในวันธรรมดา ภาพของคุณกับเพื่อนร่วมงานคือหญิงสาวน่ารัก นิสัยดี ใจเย็น เป็นนางฟ้า แต่พอมีวันหนึ่งเผลอปรี๊ดแตกไปแค่ครั้งเดียว! คนอื่นก็เมมโมรี่หน้าคุณตอนวีนเต็มที่เข้าไปแล้ว ซึ่งถ้ามันผ่านขั้นตอนดราม่านั้นไปแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะขอโทษอย่างเป็นจริงเป็นจัง อาจใช้วิธีส่งอีเมล์ถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ได้ เวลาที่คุณวีนใส่เพื่อนร่วมงานอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะคุณคิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง คือสิ่งที่คิดว่าใครๆก็ต้องทำอย่างนี้ทั้งนั้นล่ะ แต่ขอโทษเถอะนะ..คนอื่นที่มองเราอยู่น่ะ เขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นหรอกนะ แต่เขาจะคิดว่า “คนเป็นมืออาชีพต้องควบคุมอารมร์ตัวเองได้ดีกว่านี้สิ” เพราะฉะนั้นการที่คุณออกมาขอโทษ จะโชว์ให้ทุกคนเห็นว่าคุณรู้ตัวนะว่าทำรุนแรงเกินไปและคุณก็ยอมรับแต่โดยดี อันนี้จะพอช่วยให้คุณกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้ กล้าทำก็กล้ารับสิ เริ่ดจะตาย!
2. ส่งงานเกินกำหนด
“การไม่ส่งงานตามกำหนดเวลาที่นายให้มาโดยไม่บอกล่วงหน้าถือว่าเป็นเรื่องที่ ไม่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกน้องในทีมเบี้ยวไม่ยอมส่งงาน แล้วก็หายหน้าไปเฉย ๆ ซะงั้น ฉันต้องรีบทำงานในส่วนนั้นให้เสร็จแทนเธอ เรื่องนี้ทำเอาโปรเจคเกือบล่ม ฉันเลยเรียกเธอเข้ามาเตือนแล้วบอกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก ฉันจะไล่เธอออก จริง ๆ แล้วเจ้านายไม่ใช่ยักษ์นะคะ มีอะไรคุยกันได้ เราเข้าใจลูกน้องเหมือนกันว่าบางทีงานมันล้นมือทำไม่ทันจริง ๆ แค่ขออย่างเดียวคือให้บอกล่วงหน้าว่างานนี้เสร็จไม่ทันเดดไลน์แน่ ๆ จะได้ช่วยกันแก้ไขทัน ฉันยอมให้ลูกน้องผิดนัดเรื่องงานแค่สามครั้งเท่านั้นค่ะ ครั้งที่สี่คือไล่ออกเลย แล้วใส่ไว้ในประวัติการทำงานด้วย อีกอย่างที่สำคัญคือคุณต้องอธิบายกับนายด้วยว่าทำไมถึงทำงานนั้นไม่เสร็จ ถึงมันจะฟังไม่ขึ้น หรือเป็นการแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ก็ยังดีที่คุณยอมรับว่ามีปัญหาเกิดขึ้น แล้วหันมาเอาใจใส่งานให้ดีขึ้นกว่าเดิมในครั้งต่อ ๆ ไป”
: แอน โกห์ ผู้จัดการฝ่ายขายส่วนภูมิภาค Jabra
ทำยังไงถึงจะส่งงานทัน?
ตั้งเดดไลน์กับตัวเองให้เร็วขึ้นอีกนิด
ทันทีที่หัวหน้าสั่งงานมา ทำแผนการทำงานทันที เขียนให้ละเอียดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และกำหนดวันเสร็จงานของตัวเองให้เร็วกว่าเดดไลน์จริงอย่างน้อย 2 วัน คุณจะได้มีเช็ครายละเอียดอีกครั้ง และที่สำคัญ เตรียมไว้เผื่อพลาด..เผื่อมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหรือมีงานอื่นเข้ามา แทรกตัดหน้า
บอกนายล่วงหน้าถ้าส่งงานไม่ทันแน่ ๆ
ก่อนคุณจะเริ่มงานอะไรก็ตาม ให้วางแผนว่ามีอะไรที่คุณต้องทำบ้าง แล้วกำหนดเดดไลน์ของแต่ละงานย่อย ๆ นั้นขึ้นมา พอค่อย ๆ ทำงานไปก็ต้องหมั่นเช็คสถานะของแต่ละงานว่าไปถึงไหนแล้ว มีงานไหนทำไม่ทันบ้างรึเปล่า ถ้ามี คุณต้องรีบไปบอกให้นายรู้ทันทีแล้วขอเลื่อนเวลาส่งงานออกไปอีกหน่อย อย่าลืมขอโทษนายแล้วบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมถึงทำงานไม่ทันแต่!! ที่รักจ๊ะ เหตุผลนั้นต้องฟังขึ้นด้วยนะจ๊ะ
3. ต่อมน้ำตาแตกในที่ทำงาน
“ฉันเข้าใจนะว่าไม่มีใครอารมณ์ดีได้ทุกวันหรอก แต่คุณก็ไม่ควรปล่อยอารมณ์ในที่ทำงาน ซึ่งถามว่าทำได้ไหม เพื่อนร่วมงานจะเห็นใจไหม ได้..ทำได้ถ้าเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ อย่างญาติเสีย แฟนทิ้ง ซึ่งเราอาจจะให้เวลากับมันบ้าง อย่างฉันเองคงให้เวลาเต็มที่ก็สองอาทิตย์ ซึ่งถ้าหนักหนามากก็ควรลาหยุดยาวแล้วไปจัดการปัญหานั้นให้เรียบร้อย รอให้อารมณ์คงที่ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงาน ซึ่งหลังจากนั้นจะมีซึมบ้าง เศร้าบ้างก็โอเค พอเข้าใจ แต่ไม่ใช่ว่าร้องไห้ตลอดเวลา ไม่เลิกราซะที แบบนี้ก็ดูว่าจะไม่ไหวนะ ทั้งนายทั้งเพื่อนก็เบื่อได้
: ชารอน แทน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Mary Chia
น้ำตาแตกไปแล้วน่ะสิ เอาไงดี?
สูดหายใจลึก ๆ
ตั้งสติดี ๆ แล้วเดินออกไปข้างนอกสักแป๊บ หายใจลึกๆควบคุมอารมณ์ให้ได้ พอหยุดร้องได้ก็ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำซะ แต่งหน้าใหม่ให้สวยเหมือนเดิม แล้วค่อยกลับมานั่งทำงานต่อ
หาเหตุให้เจอ
เรื่องที่ทำให้คุณสะเทือนอารมณ์ขนาดนี้ต้องไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่ คุณต้องลองถามตัวเองว่าอะไรที่ทำให้คุณร้องไห้ถึงขนาดนั้น คุณปล่อยให้ตัวเองเครียดสะสมรึเปล่า? หรือว่าคุณอึดอัดคับข้องใจอะไรเรื่องงาน? การเผชิญหน้ากับปัญหาตรง ๆ จะช่วยให้คุณจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น จะได้ไม่เกิดดราม่าแบบนี้ในที่ทำงานอีก
4. เฟซบุ๊คทั้งวัน
“บางออฟฟิศอนุญาตให้พนักงานเล่นเฟซบุ๊คได้เฉพาะช่วงพักกลางวันหรือหลังเลิก งานเท่านั้น แต่ยังไงพวกเธอก็ยังเล่นผ่านทางสมาร์ทโฟนได้ ฉันเลยประกาศไปเลยว่าถ้าจับได้ว่าเห็นใครเล่นเฟซบุ๊คทางมือถือในเวลาทำงาน ฉันจะยึดมือถือมาเก็บไว้เลยจนกว่างานจะเสร็จ อาจฟังดูโหดแต่ได้ผลค่ะ”
: เชอริล ลิม ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค Insight Vacations
โซเชียลเน็ตเวิร์ค เล่นแค่ไหนถึงจะพอดี?
อย่าโพสต์ด่างานหรือเพื่อนร่วมงาน
เพราะมันแสดงถึงความไม่เป็นผู้ใหญ่และไม่เป็นมืออาชีพเลย!! เชอร์ริลบอกว่า “ถ้าฉันเห็นว่าลูกน้องคนไหนเอาข้อมูลที่เป็นความลับเกี่ยวกับงานหรือบริษัท ไปโพสต์ ฉันไล่ออกแน่นอนค่ะ และถ้ามีใครตั้งสเตตัสหรือเม้นต์ว่านายเสีย ๆ หาย ๆ ฉันก็จะต้องสืบดูให้รู้ว่าเรื่องนั้นมีมูลรึเปล่า แล้วค่อยจัดการ แต่จะยังไงก็ตาม ถ้ามีเรื่องพาดพิงกันเกิดขึ้น มันมักจะทำให้เสียความรู้สึกกันทุกฝ่าย กว่าจะทำให้บรรยากาศในการทำงานกลับมาดีเหมือนเดิม ต้องใช้เวลาพอสมควรค่ะ”
5. เอาหน้าจากผลงานของคนอื่น
“การเอาหน้าจากงานที่คุณไม่ได้ทำถือว่าเป็นการทำลายตัวเองอย่างแรง ผมว่ามีซีเรียสพอกับโกหกหรือโกงบริษัทเลยล่ะ เมื่ออยู่ในที่ทำงาน คุณควรให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของคุณเป็นเรื่องแรก สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณพูด และการกระทำของคุณทั้งในและนอกออฟฟิศ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกับชื่อเสียงของคุณทั้งนั้นล่ะ คุณอาจทำงานดี มีประวัติโปร่งใสมาโดยตลอด แต่การขโมยผลงานของเพื่อนเพียงแค่ครั้งเดียว จะทำให้คุณชื่อเสียถาวรไปเลย”
: แอนโทนี่ อึง ผู้อำนวยการ Jobstreet
แอบเอาหน้าไปเรียบร้อยแล้ว เอาไงดีล่ะทีนี้?
ยืดอกรับ
ขอโทษเพื่อนที่เป็นเจ้าของงานอย่างจริงใจแล้วเข้าไปสารภาพกับนาย อย่าลืมย้ำกับนายด้วยว่านี่เป็นครั้งแรกที่คุณทำอย่างนี้และมันจะไม่เกิด ขึ้นอีก
กู้ชื่อด่วน
ชื่อเสียไปแล้วอย่าเกิดซ้ำสอง คุณต้องทำงานแบบโลว์โพรไฟล์สักพักและให้ความร่วมมือทุกคนอย่างดี พอเพื่อนร่วมงานเริ่มไว้ใจคุณขึ้นมาอีกครั้ง นายคุณก็จะค่อย ๆ เห็นเองแหละว่าคุณไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว
เซย์ “โน” ยังไงไม่ให้ถูกไล่ออก
ขืนเยสตลอดทุกครั้งมีหวังงานทับตาย บางครั้งก็ต้องหัดปฏิเสธให้เป็นบ้าง ถึงจะเป็นบอสใหญ่มาขอก็ให้บอกไปเลยว่า “โน”!!
โจเซฟ เกรนนี่ เขียนไว้ในหนังสือ Crucial Conversations ว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่กล้าปฏิเสธนายเพราะกลัวว่าจะทำให้นายไม่ชอบหน้า จะโดนไล่ออกหรือไม่ก็ทำให้นายคิดว่าไม่เกรงใจ ถ้าคุณมีงานล้นมืออยู่ แล้วนายยังมาสั่งงานเพิ่มให้อีก คุณสามารถปัดงานนั้นออกไปให้พ้นตัวโดยไม่ต้องพูดคำว่า “ไม่” เลยซักคำเดียว
ปัญหาคือ: นายสั่งงานให้เยอะเกิน
แก้อย่างนี้: อย่าเพิ่งด่วนปฏิเสธนายทันทีแม้ว่าคุณจะมีงานล้นมืออยู่แล้ว เพราะอาจทำให้นายคุณรู้สึกว่าคุณพยายามปัดความรับผิดชอบออกไป ให้คุณถามนายว่างานใหม่นี้จะให้ส่งเมื่อไหร่ และถ้าคุณรับงานนี้มาทำแล้ว อาจทำให้คุณไม่มีเวลาทำงานเก่าที่ยังค้างอยู่ให้เสร็จทัน
ปัญหาคือ: เพื่อนร่วมงานมาขอให้ช่วยตลอด
แก้อย่างนี้: ไมเคิล โรแบร์โต แนะนำไว้ในหนังสือเรื่อง Why Great Leaders Don’t Take Yes For An Answer ว่าให้คุณตอบเพื่อนร่วมงานคนนั้นไปว่า ขอโทษที เราไม่มีเวลาช่วยทำให้นะ แต่พอจะแนะนำได้ว่าเธอควรทำอย่างไรถึงจะออกมาดี อย่างนี้คุณก็ไม่ต้องลงมือทำเอง แต่ว่าช่วยให้เพื่อนคุณทำงานได้ดีขึ้นด้วย
ปัญหาคือ: นายอยากให้คุณปรับปรุงการทำงาน
แก้อย่างนี้: ถึงคุณจะคิดว่างานคุณดีแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร แต่ก็ให้ฟังเหตุผลของนายคุณด้วย ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับนายจริง ๆ ก็ให้ลองแย้งนายด้วยเหตุผลโดยไม่ใช้อารมณ์ อย่าเอาคำวิจารณ์เรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัว แต่ให้อธิบายว่างานของคุณจะส่งผลดีกับบริษัทยังไงบ้าง
ปัญหาคือ: โดนลากไปดริ๊งค์หลังเลิกงานตลอด
แก้อย่างนี้: ให้บอกเพื่อนหรือนายไปว่าขอบคุณที่ชวนแต่ก็ขอโทษที่คุณไปไม่ได้ นาเน็ต การ์เทรล นักเขียนเรื่อง My Answer is No…If That’s Okay With You บอกว่าข้ออ้างที่ดีที่สุดคือมีนัดกับครอบครัวค่ะ!