Bangkok post> Jobs > Career guide

บทเรียนที่ได้จากความผิดพลาด

  • Published: Jun 16, 2017 16:22
  • Writer: Post Today | 1 viewed


     ความผิดพลาดแม้จะนำความเสียใจและความผิดหวังมาสู่ความรู้สึกของเรา แต่ถ้าก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ ก็จะได้บทเรียนและแง่คิดที่ดีในชีวิตคืนมาเสมอ ซึ่งบทเรียนดีๆ จากความผิดพลาดเมื่อตอนหนุ่มสาวเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่  หากแต่เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา แต่กลับถูกมองข้าม จนพลาดโอกาสดีๆ ไปอย่างคาดไม่ถึง จึงขอยกบทเรียนดีๆ จากข้อผิดพลาดที่ไม่ควรพลาดอีก

     1. การตื่นสายคือการขาดทุน  หลายคนอาจมองว่าการตื่นสายเป็นเรื่องปกติ แต่การตื่นช้ากว่าคนอื่น ๆ ทำให้เรามีเวลาที่จะวางแผนต่อการกำหนดเป้าหมายของวันลดลง ซึ่งคล้ายกับ CEO ระดับโลกหลายคน ที่แม้จะมีภาระมากมายทั้งการประชุม และการตัดสินใจต่อเรื่องใหญ่ ๆ แต่พวกเขาก็บริหารจัดการได้เป็นอย่างดี เพียงแค่บริหารเวลาด้วยการตื่นเช้ามาออกกำลังกาย ดื่มกาแฟ ติดตามข่าวสาร และตั้งเป้าหมายที่จะทำ การตื่นเช้าจึงเป็นการลงทุนที่ให้ผลกำไรที่ดีที่สุดในยุคที่เต็มไปด้วยความรวดเร็ว

     2. สื่อสิ่งพิมพ์ยังไม่ตกยุค  ถึงเราจะอยู่ในยุค Internet of Thing แต่การปฏิเสธโลกออฟไลน์ไปเสียทั้งหมดก็คงเป็นการตัดสินใจที่เร็วเกินไป โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ที่คนรุ่นใหม่อาจมองว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็น แต่สิ่งหนึ่งที่สื่อสิ่งพิมพ์มอบความแตกต่างและยังอยู่ได้นั้น คือ การคิดวิเคราะห์เนื้อหาจากคอลัมนิสต์ที่ทำได้ลึกซึ้งและแตกต่างจากเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตที่ปราศจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง นั่นคือสิ่งที่ทำให้เรามีความคิดที่แตกต่างจากการอ่านเพื่อการรับรู้จากคนทั่วไป

     3. การเดินทางคือบทเรียนที่ไม่มีใครสอน  เราสามารถหาความรู้มากมายจากการอ่านได้ แต่ในแง่ของประสบการณ์แล้ว การเดินทาง คือ คำตอบที่จะเพิ่มมุมมอง ความรู้ และข้อระมัดระวังใหม่ ๆ ให้แก่ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนวัยหนุ่มสาวที่มีเวลาและพละกำลังที่คนวัยอื่น ๆ ไม่มี คือ ต้นทุนที่สำคัญต่อการสร้างความได้เปรียบที่จะออกไปเผชิญโลก เพื่อเรียนรู้บทเรียนใหม่ ๆ ที่ในห้องเรียนไม่มีสอน

     4. โมโหง่ายเสียเวลามาก  การควบคุมอารมณ์เป็นปัญหาสำหรับคนยุคใหม่ที่อยู่กับสิ่งเร้าอย่างเทคโนโลยีซึ่งคอยกระตุ้นตลอดเวลา ซึ่งการโมโหสามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 1 นาที แต่กว่าอารมณ์โมโหจะหมดลงต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ เราควรเอาเวลาที่จะมานั่งโมโหไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์อีกมากมายดีกว่า

     5. ไม่มีแผนการเงินไม่มีโอกาสชนะ  ยุคนี้เราอยู่ในยุคทุนนิยมที่มีเงินเป็นเสื่อกลาง เป็นตัวแปรสำคัญแถมยังเป็นดัชนีชี้ถึงความมั่งคั่งของชีวิต เงินจึงเป็นสิ่งที่ต้องการหามันมาใช้จ่ายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น แต่การหามาได้ก็ย่อมต้องวางแผนการใช้จ่ายและการออมในอนาคต เพื่อนำไปใช้ต่อยอดด้วยการลงทุนสร้างกิจการเล็ก ๆ หรือซื้อกองทุนเพื่อให้เงินทำงานควบคู่กับเวลาที่เดินอยู่ทุกนาที แค่นี้ก็เพิ่มโอกาสให้แก่ชีวิตขึ้นมาได้บ้าง เราสามารถบริหารรายได้รายจ่ายให้ดีเพื่ออนาคตข้างหน้า

     6. ภาษาต่างประเทศคือวีซ่าของชีวิต  แม้ว่าการใช้ภาษาต่างประเทศจะสร้างความรู้สึกเขินอายและไม่มั่นใจทุกครั้งเมื่อพูดภาษาต่างประเทศผิด ๆ ถูก ๆ กับเจ้าของภาษาก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าการใช้ความกล้ามาริเริ่มฝึกฝนในวันนี้ จะส่งผลดีต่อวันข้างหน้าแน่นอน เพราะภาษาต่างประเทศจะเป็นใบเบิกทางให้ชีวิตได้พบเจออะไรใหม่ ๆ มากขึ้น

     7. จดบันทึกเพื่อกันลืมอดีต  การไม่จดบันทึก คือ จุดเริ่มต้นของการหลงลืมรายละเอียดต่าง ๆ ในชีวิตที่สำคัญ โดยเฉพาะการบันทึกค่าใช้จ่าย แม้วันนี้อาจจะมองไม่เห็นความสำคัญ แต่หากเราต้องการตรวจสอบรายจ่ายที่หายไป การบันทึกค่าใช้จ่ายจะทำให้เรามองเห็นรายละเอียดและภาพรวมของพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ต้องปรับปรุงและแก้ไขก่อนที่จะสายเกินแก้

     8. การพ่ายแพ้ คือการเรียนรู้ความผิดหวัง การพ่ายแพ้ สอบตกหรือสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้นั้น แม้จะสร้างความผิดหวังให้แก่เรา แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง คือ การเปิดโอกาสให้มีอิสระที่จะเลือกเรียนคณะที่ชอบ ซึ่งความผิดหวังในอดีตจะช่วยเติมประสบการณ์ทางความรู้สึกให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือความผิดหวังที่เกิดขึ้นในบางช่วงของชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง

     9. สุขภาพทรุดทรัพย์สินแย่  สุขภาพร่างกายคือส่วนประกอบที่สำคัญในการขับเคลื่อนความฝันให้เป็นจริง หากร่างกายป่วยไข้ขึ้นมา นอกจากจะเสียเวลารักษาแล้ว ยังเสียทรัพย์สินที่สะสมมา การดูแลสุขภาพจึงเป็นแนวทางที่ต้องหมั่นใส่ใจดูแลทั้งการกิน การนอน และการขยับตัว ให้เกิดความสมดุลไปด้วยกัน

     10. การเห็นแก่ตัวคือการปิดโอกาส  การเห็นแก่ตัวบ่อย ๆ จะทำให้คุณมองไม่เห็นโอกาสและแนวทางของชีวิตที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า เพราะมัวแต่คำนึงถึงความต้องการของตัวเองมากเกินไป และทำให้ชีวิตไม่รู้จักคำว่าให้ อย่างแท้จริง ซึ่งความจริงแล้วการเป็นผู้ให้ คือ จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้รับโอกาสและสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตอีกมากมาย