คนเราที่เกิดมาคงไม่อาจคาดหวังให้ทุกคนเห็นด้วยกับเราในทุกๆ เรื่อง และเมื่อมองในมุมกลับเราเองก็คงไม่เห็นด้วยกับคนอื่นในทุกๆ เรื่องเช่นกัน การคิดเหมือนมองต่างจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่มีการศึกษาสูงและเป็นตัวของตัวเองมาก ความเชื่อมั่นในตัวเองสูง จนบางครั้งก็กลายเป็นน้ำเต็มแก้ว ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างของผู้อื่น

กูรูกล่าวว่า คนเราหากอยากให้ผู้อื่นยอมรับว่ารู้ เราทำได้ ก็จะต้องเปลี่ยนตัวเองก่อน และควรเริ่มที่การสร้างทัศนคติที่จะยอมเป็นผู้ถูกสอนให้ได้ ดังนี้

     1. ถ่อมตน แม้ความจริงเราจะรู้อะไรเยอะ แต่การมีอุปนิสัยถ่อมตนจะช่วยให้เปิดใจรับฟังผู้อื่น เพราะการถ่อมตนคือประตูเปิดรับการเรียนรู้ประสบการณ์เพิ่มคุณค่าให้แก่ตัวเอง การที่เราไม่หยิ่งยโสทะนงตนจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเรียนรู้จากอดีตหรือจากผู้อื่น

     2. ไม่ติดอยู่กับค่านิยม ที่ทำให้การรู้ตนเองและจิตสำนึกของเราต้องมืดบอด บางครั้งค่านิยมเดิมๆ หรือความรู้เดิมๆ ที่เรามีอยู่อาจไม่เหมาะสมและไม่ทันสมัย ใช้ไม่ได้กับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ให้ตระหนักอยู่เสมอว่าเราอยู่บนโลกของความหลากหลาย โลกนี้ไม่ใช่ของเราแต่เพียงผู้เดียว บ้านหลังนี้เราไม่ได้อยู่คนเดียว องค์กรแห่งนี้ไม่ได้มีเราคนเดียว แต่ยังมีเพื่อนร่วมงานอีกนับสิบนับร้อย ให้มองเห็นโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวความรู้จากผู้อื่น

     3. สร้างอุปนิสัยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทำตัวเป็นผู้เสาะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและการทำงาน อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว แบบว่าฉันรู้หมดแล้ว ฉันรู้มากกว่าเธอ เพราะเท่ากับว่าเราปิดฝาแก้ว สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาควรนำมาแยกแยะคัดกรองแล้วเลือกที่จะเก็บใช้ ทำให้ตัวเองเป็นคนทันสมัย เดินไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา

     4. หยุดทำตัวเป็นผู้สร้างกฎเกณฑ์ให้ตัวเอง การสร้างกฎเกณฑ์ให้แก่ตัวเองมากมายเท่ากับเรากำลังสร้างกำแพงล้อมตัวเอง คนอยากเข้าก็เข้าไม่ได้ เราอยากออกก็ออกไม่ได้ เพราะติดยึดกับกฎเกณฑ์ตัวเองมากเกินไป ดังนั้นจงเปลี่ยนกฎเกณฑ์ให้เป็นแนวทาง ใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนในบ้าน เป็นแนวทางการทำงานของเพื่อนร่วมงานที่ทุกคนยอมรับในการเลือกใช้วิธีการที่ดีและเหมาะกับสถานการณ์ตัวเอง