ไม่ว่างานที่เราทำอยู่จะเป็นอะไร คนอื่นมองว่าแบบไหน แต่เราจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นตำแหน่งสูงส่งคนถึงจะจำได้ว่าเราทำงานดี เราเป็นเด็กเดินเอกสาร แต่ก็เป็นคนส่งที่เป๊ะมาก ดูขยัน สดใส มีน้ำใจ เท่านี้บริษัทหรือที่ทำงานไหนๆ ก็ขาดเราไปไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นคุณค่าในงานของเราต้องอยู่กับตัวและต้องเข้าใจโลกการทำงานให้ลึกซึ้งมากกว่าดูที่จำนวนเงินอย่างเดียว
 
     1. ชีวิตคนเราสั้นนัก อยู่กับปัจจุบันมากที่สุด คนเรามีชีวิตทำงานอย่างมากก็หลักสิบปี ถ้าเราต้องตื่นขึ้นมาแบบไม่มีความสุข ต้องทำงานที่ตัวเองเกลียด เจอหัวหน้าที่เราไม่เคารพ หรือทนกับงานที่เรารู้ว่าไม่มีทางเดินต่อไปข้างหน้า วันนี้ก็ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว บางทีลาออกก็หนีเสือปะจระเข้ อย่างแรกต้องรู้ถึงปัญหา เช่น ไม่ชอบทำงานปะทะลูกค้าโดยตรง ก็ต้องไปอยู่ในส่วนที่เป็นโปรดักชั่นหลังบ้าน ตรงนี้ย้ายได้มั้ย ถ้าไม่ได้ อยากหางานอื่นก็ต้องดูเป็นเคสๆ ไป

     2. อยู่ที่ไหนก็ต้องรู้จักคนไว้ให้มากๆ นั่งทำงานแบบเก็บตัว บางทีคนที่อยากเข้ามาคุยเขาเห็นเราสร้างกำแพง กลายเป็นหมั่นไส้ไม่ชอบขี้หน้าเลยก็มี คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมักจะมีสังคมเครือข่ายที่ค่อนข้างกว้าง พูดไปถึงส่วนไหนก็มีคนรู้จัก หรือมีคอนเนคชั่น อันนี้สำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่รู้จักชื่อเฉยๆ นะ แต่ต้องรู้จักแบบแลกเปลี่ยนพูดคุยไอเดียได้เลย เช่น นึกถึงออนไลน์มาร์เก็ตติ้งโทรไปปรึกษาคนนี้ งานพีอาร์ประชาสัมพันธ์เดี๋ยวไปเจอพี่คนนู้น สังคมต้องหลากหลายมาก ถึงวันที่เราอยากสร้างชื่อคนพวกนี้แหละที่ช่วยเราได้และบางทีก็ได้ราคามิตรภาพสุดๆ อาจจะเหนื่อยต้องพูดคุยกันหน่อย แต่ผลกลับมาคุ้มมาก

     3. กว่าจะทำงานได้ ต้องใช้แรงเยอะมาก ถึงได้บอกว่าเราต้องรู้จักบาลานซ์ตัวเอง อย่างโหมงามหนักช่วงหนึ่ง ก็ต้องไปออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีควบไปด้วย ไม่ใช่นั่งหง่อมในออฟฟิศ เอาข้าวใส่กล่องโฟมกินหน้าคอมตลอดเวลา เพราะถ้ายังสาวๆ ก็คงยังไหว แต่ 30 ไปแล้ว นอนน้อยไปชั่วโมงนึง ตื่นมาแทบไปทำอะไรไม่ไหวเลย

     4. รู้จักใครต้องเจอกันตัวต่อตัว ทุกวันนี้หลายคนเอาแต่นั่งเล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม เช็คเมล์ ส่งเมสเสจหลังไมค์ เราเสียเวลาขนาดนั้นยิ่งทำให้พลาดการเข้าถึงตัวคนในชีวิตจริง

     5. มีอะไรใหม่ๆ หูตาแพรวพราว ทุกเช้าตื่นมาก็เจอข่าวเทรนด์โลกต้องอัพเดท ถ้ารู้จักผู้รู้เราก็ถาม ทำตัวให้เหมือนโลกการทำงานเป็นมหาวิทยาลัยที่เราต้องได้บทเรียนอยู่ตลอด เวลาเจอโปรเจคต์อะไรใหม่ๆ เราก็ปรับเอามาใช้ในการให้ออกมาครีเอทีฟเว่อร์ๆ แบบคนอื่นไม่มีทางตามทัน

     6. เปิดใจให้กับเรื่องที่ไม่คุ้นเคย ถ้าเรายึดติดกับสิ่งที่รู้อยู่แล้ว เราจะไม่มีวันรู้อะไรใหม่ๆ คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ต้องรู้จักยืดหยุ่น ทำตัวให้เล็กๆ เข้าไว้ ขอเล่าเรื่องเบื้องหลังจากการทำนิตยสารที่ไม่เคยคิดว่าสื่อออนไลน์จะมีผลมากขนาดนี้ ต้องปรับตัวเองให้ทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ต้องขยันแล้วก็เรียนรู้เทคนิคบนโลกดิจิตอล เปลี่ยน mindset ตัวเองไปเลย

     7. ความสำเร็จเล็กๆ ก็ทำให้ใจฟูขึ้น กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จวันเดียวเป็นยังไง การทำงานให้สำเร็จก็ต้องใช้เวลาสั่งสมความเก๋า แต่ทุกวันต้องทำงานอย่างจริงจังเข้มข้น ไม่ปล่อยให้ตัวเองขี้เกียจจะทำให้เราเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ทีละนิด วันนี้เจ้านายชมเรา แสดงว่าเขาเห็นความพยายามของเราว่ามาถูกทาง แทรกซึมเข้าไป วันหนึ่งเราจะได้รับผลดีเอง

     8. ทำเป็นทีมดีกว่าทำคนเดียว บางคนทำงานเก่งมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีทีมที่ดี พอจะทำอะไรคิดการณ์ใหญ่ ไปได้ก็ไปไม่สุด จะทำไหวแค่ประมาณนึง ดังนั้นคนที่งานดีมากๆ มักจะมีทีมอยู่เบื้องหลังที่แข็งแกร่งสุดๆ

     9. อะไรที่ทำให้เราเครียด มีบทเรียนให้เราเสมอ จำไว้ว่าปัญหาที่เราเจอวันนี้คิดไม่ออก กังวลมาก แต่ให้เชื่อว่าสุดทางนั้นจะมีอะไรมาสอนให้เราเข้าใจการทำงานและการใช้ชีวิต ให้เรารู้จักคิดเหตุการณ์ที่แย่ที่สุด เราจะแก้ปัญหายังไง อย่างมากร้องไห้แล้วก็ลุกขึ้นมาสู้ใหม่

     10. ล้มวันนี้ พรุ่งนี้ต้องกู้ชื่อขึ้นมาให้ได้ ชีวิตที่วุ่นวาย เจอแต่ปัญหาไม่ต้องไปโทษโชคชะตา เกิดมาวาสนาไม่ดี ทำพลาดแต่ถ้าเราพยายามแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำ โอกาสยังมีให้เราเสมอ

     11. ได้ทำงานที่รักคือลาภอันประเสริฐสุดแล้ว แค่เราได้ตื่นมาไปทำงานที่ตัวเองชอบ รู้สึกว่าเรามีคุณค่ากับงานที่ทำ และงานนี้ก็ต้องการเราก็ทำให้มีความสุขที่สุด ถือว่าชีวิตมีความหมาย ไม่เสียชาติเกิดที่เราได้ทำอะไรเก่งๆ ให้สังคมกับประเทศชาติแล้วจ้า