สนุกกับงาน เพื่อข้ามผ่านอุปสรรค
- Published: Mar 21, 2017 10:29
- Writer: Post Today | 1,470 viewed
“ผู้ที่ไม่ได้ทำงานจึงไม่ได้พบปัญหา ผู้ที่ไม่มีปัญหาคือผู้ไม่ได้ทำงาน ผู้ไม่ได้ทำงานคือผู้ไม่ได้พัฒนาชีวิตจิตใจของตน”
นั่นเป็นคำกล่าวที่ถือว่าเป็นสุดยอดของสัจธรรมในชีวิตการทำงานเลยก็ว่าได้ ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้วอาจมีหลายคนเกิดอาการจำเจ เบื่อเหนื่อยกับงานที่ทำอยู่ ร้อนลุ่มจนอยากจะเปลี่ยนงานเปลี่ยนการ หรือแค่ เบื่อๆ เซ็งๆ มีอาการไม่แน่ใจว่าเบื่อจริง หรือแค่รู้สึกว่าชีวิตมีแต่เรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ฮาวทูงานฉบับนี้จึงมีเรื่อง แนะนำให้คุณผู้อ่านที่เริ่มมีอาการดังกล่าว ลองชาร์จแบตเตอรี่เติมพลังให้กับงานดูอีกสักหน่อย เผื่อชีวิตจะมีพลังและสีสันมากขึ้น ใกล้จะสิ้นปีเช่นนี้ขืนมาทำเบื่อๆ เซ็งๆ จนออกนอกหน้า อาจจะมีผลกับการประเมิน ผลงานเพื่อปรับขึ้นเงินเดือนรวมทั้งยอดของโบนัสเอาได้ ถ้าไฟจะมอดแล้วละก็ จงรีบหาเชื้อไฟมาเติมเสียหน่อยจะดีกว่าไหม รวมทั้งอย่าลืมมองหาแง่มุมดีๆ และความหมายของงานที่เราทำอยู่ว่า อย่างน้อยมันเป็นงานที่มีคุณค่าและมีสารประโยชน์ทั้งต่อตนเองและต่อสังคมอยู่หรือไม่
1. การงานเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
สิ่งแรกที่สุดที่จะต้องทำความเข้าใจกับตัวเองเสียก่อน ก็คือว่าการงานนั้นเป็นอาชีพ เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องทำเสมอไม่ว่าจะเป็นใคร ทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าจะมีฐานะร่ำรวยหรือยากจน คนเราก็ควรต้องทำงาน เพราะการ ทำงานทำให้มนุษย์มีคุณค่ากับสังคมและกับตัวเอง คนทุกคนจึงมีหน้าที่การงานที่ควรจะต้องทำ สุดแต่ว่าเลือกที่จะทำอะไรและอย่างไร การงานนั้นคือหน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิตที่ทุกคนควรมีและควรทำ
ตราบใดที่เรายังไม่ได้ทำงาน พบกับงาน พบกับปัญหา พบกับอุปสรรค ตราบนั้นเท่ากับเรายังไม่ได้ พบกับหน้าตาของตนเองอย่างแท้จริง และตราบใดที่เราไม่รู้จักงาน ไม่รู้จักปัญหา ไม่รู้จริงในอุปสรรค ตราบนั้นเราก็ยังไม่รู้จักตัวเราเอง ไม่รู้จริงในตนเอง เมื่อไม่รู้จักตนเองก็จะยังไม่ได้พัฒนาตนเองอีกด้วย ดังนั้น งานเล็กงานใหญ่ทั้งปวงจึงเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะในตัวพลังกิจกรรมของงานทั้งปวงนั้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของมนุษย์
2. ผลของการทำหน้าที่คือความรอด
ความรอดทางร่างกายระดับสูงขึ้นก็คือความรอดทางจิตใจ การทำงานทั้งทางกายและทางจิตนี้ต้องทำให้ถูกต้อง ให้พอดี และให้เหมาะสม แต่ถ้าทำด้วยความไม่อยากทำ ทำไปงั้นๆ ไปทำงานสาย กลับเร็ว ทำงานแบบฆ่าเวลาไปพอแก้เบื่อแก้เหงา ก็ถือว่าเป็นการทำงานที่ไม่ค่อยรู้หน้าที่ ไม่เห็นคุณค่าในงาน เอาเปรียบตนเอง เพื่อนร่วมงาน องค์กรและสังคมได้ในที่สุด
การทำงานไม่ว่าจะเป็นการงานลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม ก็เหมือนเดินอยู่บนสนาม แม่เหล็กที่คอยมีอุปสรรคปัญหา คอยเหนี่ยวยึดให้เราเดินไม่สะดวก ถ้าเราเดินผ่านไปได้ เปรียบเหมือน ก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้ ก็จะมีพลังอันแข็งแกร่ง มีขวัญกำลังใจที่จะทำงานต่อไป เพราะถือว่าได้ฝึกฝนอบรมตนให้ผ่านงานจนรอดพ้นปัญหา อุปสรรคไปได้ งานจึงเป็นต้นทุน เป็นสะพานให้ก้าวข้ามผ่านไปถึงทางรอดอย่างแท้จริง เพราะถ้าหากมีปัญญาอย่างเดียว แต่ไม่มีงาน ไม่มีอุปสรรค ไม่มีปัญหา แล้วจะมีอะไรมาเป็นเครื่องวัดทดสอบพลัง แห่งความเพียรและทางรอดที่เราจะมีได้เล่า
3. ต้องทำการงานให้เหมาะสมสถานะ
จะต้องทำการงานให้เหมาะสมกับสถานะของตน เช่น มีความสามารถอย่างหนึ่งแต่ไปทำงานอีก อย่างหนึ่ง ก็ถือว่าไม่เหมาะสมกับสถานะของตน ควรทำงานที่ชอบ ที่เรามีความถนัดและมีประโยชน์กับตน รวมทั้งเป็นงานที่เกิดประโยชน์แก่ทุกคน ไม่เป็นโทษแก่ผู้อื่นและสังคม การทำงานที่ดีอย่ามัวหลง เพ้อฝัน วาดวิมานว่า เราจะมาเดินอยู่บนถนนของดอกไม้ โรยด้วยกลีบกุหลาบ ง่ายๆ สบายๆ หยวนๆ ทำพอให้ผ่านพ้นไปวันๆ นั้นถือว่าเป็น ความมักง่ายและเป็นความประมาท เป็นเรื่องคิด ผิดพลาดที่น่าสงสาร งานที่ดีมีผลงานที่น่าพอใจนั้น เป็นเพราะผู้ทำมีความอุตสาหะ เพียรพยายาม ทำงานให้ดีให้เหมาะสมกับสถานะอันถูกต้องนั่นเอง
4. ทำงานให้สนุกและเป็นสุขในการทำ
ที่เราทำงานแล้วไม่สนุกน่ะ เพราะเรามองไม่เห็นความประเสริฐของการงาน ถ้าเราฝืนใจทำ เราจึงไม่มีความสุข คนบางคนทำงานสนุกเพราะเห็นแก่เงิน นั่นมันก็ได้เหมือนกันแต่อาจจะไม่ดีเท่าเรารู้สึกว่า งานคือสิ่งมีคุณค่า งานคือหน้าที่ งานคือเกียรติยศของมนุษย์ งานคือสิ่งที่ประเสริฐที่มนุษย์ทุกคนควรมีควรทำ ลองทำงานเหมือนกับการเล่นกีฬา มีขั้นมีระดับพัฒนาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะทำงานให้สนุกมีเป้าหมาย มียอดไว้ให้วิ่งไล่ตาม จนเกิดเป้าหมายและความพอใจ ความพอใจนั้นจะทำให้เกิดความสุข ถ้าทำงานโดยที่ไม่พอใจแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะเกิดความสุข จนเป็นเหตุให้ท้อแท้เบื่อหน่ายเอาได้โดยง่าย
5. ความพอใจเป็นเหตุให้เกิดความสุข
พลังของงานนี่ละเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เหมือนฟ้าดิน ได้ส่งอุปสรรค ปัญหา ส่งงานทั้งปวงให้มาเป็นอาจารย์ใหญ่มาฝึกสอนกายสอนใจเรา ให้เป็นชีวิตที่ดีมีคุณค่า หากไม่ทำงานก็จะทำให้ชีวิตดูไร้ค่า ปราศจากสาระ อันประเสริฐ เพราะตัวปัญหา ตัวอุปสรรคนั้นเป็นหัวใจของงานเลยทีเดียว ถ้าเราเข้าถึงปัญหา เข้าถึงอุปสรรค ฟังรู้ดูเห็นก็เท่ากับเราเข้าถึงหัวใจของงาน นั่นละเป็นเครื่องหมายและเป็นสัญญาณที่สำคัญของความสุข ความพอใจ เนื่องจากงานและผลของงานเป็นสุดยอดของความพอใจและความสุข
6. สุขที่แท้จริงมาจากความพอใจที่ถูกต้อง
ความสุขที่แท้จริง หมายถึง ความสุขที่ไม่หลอกลวงตนเอง หลอกลวงองค์กร เมื่อทำงานอย่างดี มีความถูกต้องดีงาม ผลงานก็จะออกมาถูกต้องและดีงามเช่นกัน เหมือนดั่งคำเปรียบเปรยที่ว่า เมื่อเราปลูกต้นมะม่วง เราย่อมได้ผลมะม่วง ถ้าเราทำงานดี มีคุณภาพ ผลงานก็คือความสุข ความพอใจที่แท้จริง ที่ถูกต้องนั่นเอง
เมื่อพบเจออุปสรรคปัญหา ก็จงพยายามเพียรแก้ไข เพียรเริ่มต้นใหม่ ปัญหาก็จะทุเลาเบาบางลง ชีวิตทุกชีวิตบนโลกนี้ล้วนมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะทำใจยอมรับแล้วเริ่มแก้ปัญหา ทำใจให้เห็นเป็นเรื่องสนุกได้อย่างไรเท่านั้น ปัญหาทุกอย่างก็จะเริ่มคลี่คลาย เมื่อเราได้ทำความเข้าใจในคุณค่าของงานแล้ว ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ อุปสรรคน้อยใหญ่นานาประการที่มีอยู่กับงาน ค่อยคิดแก้ไข ทำใจให้สนุกกับงานเสียแล้ว ก็จะเกิดความปีติ สงบสุข คลายเครียด และบรรเทาทุกข์ได้ในที่สุด จะปีใหม่แล้วเปลี่ยนมุมมอง ความคิด ทัศนคติใหม่ๆ ทำใจให้สนุกและมีความสุข ชีวิต การงานก็น่าจะพบแต่สิ่งดีๆได้ไม่ยากเลย