5 อาชีพที่เสี่ยงต่อการเลิกจ้าง เมื่อถูกเทคโนโลยีไล่ล่า
- Published: Feb 10, 2017 11:57
- Writer: Post Today | 1 viewed
การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในโลกนี้ ย่อมนำมาซึ่งโอกาสและความสูญเสียในคราวเดียว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะได้รับโอกาสหรือความสูญเสีย การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีก็เช่นกัน ทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของเราอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แรกๆ นั้น ดูเหมือนชีวิตมนุษย์จะสะดวกสบายมากขึ้น แต่สุดท้ายความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีก็ทำให้ใครหลายคนต้องตกงาน มาดูกันมีอาชีพอะไรบ้างที่กำลังถูกเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่มนุษย์ในอนาคต
อรภัค สุวรรณภักดี นักวิชาการอิสระด้านเทคโนโลยีเครือข่ายสังคม นักเขียนหนังสือทำตลาดบนเฟซบุ๊ก วิเคราะห์อาชีพที่จะถูกเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ว่า เราจะไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเร็ววัน แต่ทุกอย่างจะค่อยๆ เข้ามาแทนที่ทุกอย่างในที่สุด ซึ่งงานที่จะถูกเข้ามาแทนที่เป็นอันดับแรกๆ ก็คือ
1. งานแปลเอกสาร งานล่าม คนทำงานเหล่านี้จะลดจำนวนลงในอนาคต ด้วยแอพแปลภาษาที่สามารถแปลใจความหลักๆ ได้ตรงความหมายมากขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันจะยังใช้งานได้ไม่ค่อยเต็มที่ แต่เชื่อว่าในอนาคตแอพแปลภาษาจะเข้ามาทำหน้าที่แทนล่ามในอนาคต เมื่อก่อนการแปลเป็นงานที่ต้องใช้คนที่มีความรู้ทางภาษาเฉพาะ อะไรนิดหน่อยก็ต้องอาศัยคนช่วยแปล แต่ต่อไปเรื่องทั่วไปจะใช้แอพพลิเคชั่นแปลภาษาเข้ามาช่วย ส่วนงานที่จะต้องใช้คนแปลจริงๆ จะเหลือแค่เอกสารที่มีความสำคัญสูงเท่านั้น
2. งานสื่อมวลชน อีกงานหนึ่งคืออาชีพสื่อ ในระยะไกลจะลดทั้งระบบ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อย่างแน่นอน เพียงแต่ในระยะเวลาอันสั้นนี้จะไม่เห็นผลจากมันมากนัก แต่ในระยะยาวอีกราวๆ 10 ปีจากนี้ เราจะเห็นได้ชัดเจนอย่างมาก หนังสือพิมพ์ตอนนี้ชัดเจนอยู่แล้วว่าคนอ่านกระดาษน้อยลง หันไปอ่านจากหน้าจอออนไลน์กันมากขึ้น แต่ในระยะยาวงานข่าวโทรทัศน์จะลดจำนวนคนทำงานลงมาให้เหลือเพียงไม่กี่คน จากแต่ก่อนต้องมีอุปกรณ์ตัดต่อมากมาย ก็อาจจะเหลือเพียงแค่กล้องหรือ
สมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวที่สามารถตัดต่อและถ่ายทอดสดได้เลย เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต เพราะเดี๋ยวนี้เรามีพวกเฟซบุ๊กไลฟ์หรือแอพพลิเคชั่นถ่ายทอดสดต่างๆ ที่มีมากขึ้น เราจินตนาการว่าในอนาคตแอพโซเชียลมีเดีย แอพสื่อสารทั้งหมดสามารถถ่ายทอดสดได้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทีมงานจำนวนมากเหมือนปัจจุบัน
3. พ่อค้าคนกลาง จะหายไปมากถึง 70% ในทุกตลาดทุกสินค้าอย่างแน่นอน ลองนึกภาพง่ายๆ จากเหตุการณ์ราคาข้าวตกต่ำที่ผ่านมา ซึ่งโดยปกติแล้วคนทั่วไปไม่มีทางได้ซื้อข้าวจากชาวนาอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่รู้จัก แต่ต่อไปถ้ามีการจัดตั้งเว็บไซต์รัฐบาลที่เป็นตัวกลางในการติดต่อซื้อขายข้าว ชาวนาก็จะขายข้าวได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการมีโซเชียลมีเดียก็ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงติดต่อซื้อข้าวจากชาวนาได้โดยตรง โดยตัวแปรเรื่องเวลาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลตั้งเป้าจะให้มีอินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกหมู่บ้าน การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการซื้อขายข้าวโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางก็จะเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
4. พนักงานธนาคารและคอลเซ็นเตอร์ ในต่างประเทศงานเหล่านี้จะถูกทดแทนด้วยระบบตอบรับอัตโนมัติในการให้ข้อมูล จะใช้คนตอบก็ต่อเมื่อปัญหานั้นมีความยุ่งยากและต้องการแก้ปัญหา ดังนั้น ระบบใหม่ก็จะมีการใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น พอๆ กับการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง หรือแอพพลิเคชั่นการเงินเข้ามาลดขั้นตอนความยุ่งยากในการเดินทางไปธนาคารเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การโอนเงิน ฝากเงิน การทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ก็จะเริ่มทำผ่านแอพธนาคารมากขึ้น สามารถทำทุกอย่างผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งจะทำให้พนักงานส่วนใหญ่มีเวลาว่างมากกว่าเดิม อาจจะส่งผลให้เกิดการปิดตัวของสาขาย่อยต่างๆ มากขึ้น
5. อาชีพตัวแทนขายประกัน ต่อไปการซื้อประกันจะซื้อผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นกันหมด รวมทั้งการอนุมัติก็จะมีการอนุมัติแบบออโต้ผ่านฐานข้อมูลของเครดิตบูโร เป็นระบบตรวจสอบเบื้องหลังที่สามารถเช็กเบื้องหลังได้ว่าใครมีประวัติการทำธุรกรรมทางการเงินอะไรไปบ้าง จึงสามารถอนุมัติได้ในทันที ดังนั้น ตัวแทนขายประกันเหล่านี้จะถูกลดบทบาทลงไปอย่างมาก บริษัทจะสามารถขายสินค้าถึงผู้บริโภคโดยตรงผ่านระบบไอที ซึ่งคล้ายๆ กับพ่อค้าคนกลางที่ถูกลดบทบาทของตัวเองลงไปด้วยโซเชียลมีเดียa