Bangkok post> Jobs > Career guide

เช็กสัญญาณส่อแววเครียดเพราะงาน

 

เหล่ามดงานแบบพนักงานออฟฟิศ ขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มคนที่เครียดที่สุดในศวรรษที่ 21 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรในเมืองใหญ่ที่มีไลฟ์สไตล์รีบเร่ง แข่งขัน คิดมาก สะสมพิษจนแสดงออกทางร่างกาย สะท้อนผ่านอารมณ์ ซ้ำร้ายอาจก่อตัวขึ้นแบบที่เราไม่รู้ตัว มาลองสังเกตตัวเองดูว่าเริ่มมีอาการเครียดบ้างหรือยัง

     อาการที่ 1 อ่อนเพลีย ท้องผูก รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ เช้าไม่อยากตื่น เริ่มเบื่ออาหาร เป็นเพราะความเครียดที่ร่างกายสะสม บางรายอาจมีอาการท้องผูก เพราะเวลาเช้าที่รีบเร่งทำให้ไม่มีเวลาใส่ใจสุขลักษณะที่ดี ระหว่างวันไม่ได้ดื่มน้ำ ใครเริ่มมีอาการลองผ่อนหนักเป็นเบา หาเวลายิ้ม หัวเราะ พักผ่อนนอนหลับ และดื่มน้ำเยอะๆ จะได้กลับมาสดใส

     อาการที่ 2 หงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี อันนี้คนรอบข้างน่าจะสังเกตได้ชัดมากกว่าตัวเรา อาจเป็นเพราะจิตหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป กระทั่งเวลาไม่สบอารมณ์เล็กน้อยก็ถึงขั้นระเบิดออกมา หากอาการแบบนี้เกิดขึ้นง่ายและบ่อยจนคนรอบข้างเอ่ยปาก คงต้องสำรวจตัวเองแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น อย่ารอให้สายไปจนไม่มีใครคบ

     อาการที่ 3 ขี้หลงขี้ลืม เวลาเครียดๆ เรามักได้หน้าลืมหลังประหนึ่งเป็นอัลไซเมอร์ชั่วครู่ เพราะมีเรื่องทั้งอดีตและอนาคตให้คิดจนรกสมอง ไม่อยู่กับปัจจุบัน อาการนี้แก้ได้ด้วยการฝึกจิตฝึกสมาธิให้อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าไปกังวลถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วหรือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ถ้าขี้ลืมมากก็พยายามจดโน้ต

     อาการที่ 4 สุดโต่ง เห็นได้บ่อยจากนิสัยการกิน เมื่อเครียดมากบางคนก็กินเยอะ หาเรื่องกินได้ตลอด เพราะใช้พลังงานหรือใช้สมองคิดเยอะเกินไป แต่บางคนก็เบื่ออาหารกินไม่ลง หรืออาจแสดงออกมาในรูปแบบของการช็อปปิ้งปลดปล่อย โดยเฉพาะผู้หญิงบางคนที่เห็นอะไรก็อยากซื้อไปหมด ความสุดโต่งเกินไปไม่มีอะไรดี ถ้ามีอาการข้างต้นละก็ ควรบำบัดความเครียด พยายามปรับสมดุลทุกเรื่องให้อยู่ในจุดบาลานซ์แล้วชีวิตจะดีแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     อาการที่ 5 ออฟฟิศซินโดรม โรคสุดฮิตของชาวออฟฟิศ ก็วันทั้งวันนั่งแหง็กท่าเดิมไม่ได้ขยับร่างกาย ต่อให้อายุไม่เยอะก็ป่วยได้ ส่วนอาการแสดงออกของแต่ละคนก็ต่างกัน เช่น ปวดหัว ไมเกรน ปวดหลัง ปวดไหล่ เพราะชอบยกไหล่ตอนพิมพ์งาน บางคนนิ้วล็อก สารพันปัญหา แก้ง่ายๆ ด้วยการออกกำลังกาย พักบ้าง เดินยืดเส้น หรือหลับตาในบางครั้ง แต่หากเป็นหนักจริงๆ ควรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำกายภาพบำบัดต่อไป