Bangkok post> Jobs > Career guide

วิธีจัดการกับอารมณ์และทัศนคติของตัวเอง เมื่อต้องเจอมนุษย์ป้ามนุษย์ลุงในที่ทำงาน

  • Published: Sep 2, 2016 17:10
  • Writer: CLEO Thailand | 14,629 viewed

 

     ไม่ว่าออฟฟิศคุณจะอยู่ที่ไหน อย่างหนึ่งที่เรามั่นใจคือจะต้องมีบุคคลที่เราขอส่ายหน้าให้กับหลายๆ พฤติกรรมของเขาหรือเธอว่าทำหรือพูดอะไรออกมา นึกถึงจิตใจคนที่ร่วมงานหน่อยได้มั้ย หรือใช้แต่ตำแหน่งที่ใหญ่กว่าหรืออายุที่มากกว่าข่มเหงคนอื่นให้รำคาญใจไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนเขาน่าจะยากนะ ให้เราเปลี่ยนทัศนคติตัวเองคงง่ายกว่า
 
รู้จักมนุษย์ป้ามนุษย์ลุงในที่ทำงาน

มนุษย์ป้าหรือลุงไม่ได้จำกัดอยู่ที่คนสูงวัยเท่านั้น!

ข้อนี้ต้องทำความเข้าใจก่อน บางทีเราจะมองว่ามนุษย์ป้าหรือลุงต้องเข้าข่าย 40-50 ขึ้นไป อายุ 30 ต้นๆ ก็เป็นมนุษย์ป้ามนุษย์ลุงได้ ถ้าทำตัวเข้าข่ายประมาณว่าชอบข่มเด็กที่เข้ามาใหม่ จับผิดชาวบ้านจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ขี้เมาท์เป็นนิสัย ขึ้นเสียงใส่น้องๆ ที่จูเนียร์กว่า โชว์พาวไปวันๆ แต่ไม่เคยสอนงานหรือบอกสิ่งที่มีประโยชน์กับรุ่นน้องอะไรเลย

เซลฟ์ว่าตัวเองมีจุดที่จะกร่างได้

คนพวกนี้จะมั่นใจว่าฉันมีอำนาจอยู่พอสมควร เช่น มีหัวหน้าระดับสูงหรือท่านประธานหนุนหลังอยู่ ถ้าฉันฟ้องนายคำเดียว เธอกระเด็นออกจากที่นี่ได้เลยนะ หรือปลายปีนี้เงินเดือนอย่าหวังจะได้ขึ้น ไม่ก็อยู่เป็นบริษัทนี้มานานเป็นสิบๆ ปี คิดว่าไม่มีใครมาทำอะไรได้ พอเห็นคนเข้ามาใหม่เป็นพนักงานระดับต่ำกว่าก็รู้สึกไม่อยู่ในสายตา อยากจะย่ำยีจิตใจใครยังไงก็ได้

คิดอะไรพูดอย่างนั้น ใครจะทำไม มีปัญหาเหรอ เดี๊ยะๆ!

เห็นอะไรไม่เข้าตา รู้สึกหมั่นไส้ก็เดินเข้ามาด่าให้วงแตก หรือสร้างความยำเกรงด้วยคำพูดเหน็บแนม ทั้งที่น้องๆ ก็เดินเข้าไปถามดีๆ แต่ไม่รู้วัยทองตีขึ้นหรือยังไง ต้องตะคอกใส่ ได้ดุเด็กๆ แสดงแสงยานุภาพจะได้กลับบ้านแล้วนอนหลับสบาย
 

โมโหจนอยากเข้าไปเปิดศึกกับลุงป้า

เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเจอกับคำพูดกับมนุษย์เหล่านี้ในออฟฟิศเมื่อไหร่ ดังนั้นต้องเตรียมใจให้ดีเอาไว้เสมอ เราจะรับมือได้แบบคนที่ทำงานมืออาชีพจริงๆ

1. ปรี๊ดปุ๊บให้คุมสติเอาไว้ให้ดี

     ใครจะไปรู้ว่าอาการโกรธหน้ามืดเนี่ยน่ากลัวมาก เพราะเราอาจคอนโทรลตัวเองไม่ได้ เกิดไปทุ่มเก้าอี้ใส่หรือด่ากลับไปว่า “แก่ก็อยู่ส่วนแก่” เราเองนี่แหละที่จะเป็นคนที่พ่ายแพ้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่มาแบบเหนือชั้นจะต้องฮึบเอาไว้แล้วคุยให้จบด้วยอารมณ์สงบ แต่สีหน้าของเราก็ต้องกระตุกขึ้นมาเข้าโหมดเลือดเย็น อย่างน้อยๆ ต้องแสดงให้เขารู้ว่าเราก็ไม่ได้ก้มหัวให้เขาแบบไม่ลืมหูลืมตา เราเป็นพนักงานสู้คนเหมือนกัน แต่ฉันคูลกว่าพวกท่านค่ะ ไม่เอาอารมณ์รุนแรงมาสยบกับความบ้าของลุงและป้าแน่ค่ะ
 

2. กลับมานั่งสงบสติอารมณ์ให้นิ่งก่อน

     หลังจากเจอคำพูดที่ทำให้เราอยากลุกไปตบแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำได้คือนั่งนิ่งๆ ทั้งที่เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ อยากร้องไห้ แค้นแต่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าถึงจุดนี้ให้เราดูข้างในของเราเลยว่ามันบีบคั้นแน่นหน้าอก มวนท้องปั่นป่วน มือสั่นกำแน่น ตอนนี้เป็นช่วงที่บอกได้เลยว่านี่คือความเครียดอย่างรุนแรง ให้จินตนาการไปเลยว่าฮอร์โมนแย่ๆ ต่างๆ กำลังหลั่งสินะ คิดแย่กว่านั้นถ้าเราปล่อยให้ตัวเองยังรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ อาจทำให้เราไม่สบายจากความเครียด เช่น มะเร็งทั้งหลาย ก็เกิดมาจากสิ่งที่เราทำตัวเอง เพราะคำพูดคนอื่นมากระทบจิตใจเราเองแท้ๆ

     ตัดภาพไป มนุษย์ป้ามนุษย์ลุงคนนั้นทำแย่ๆ ใส่เราเสร็จแล้ว อาจจะนั่งแคะขี้มูกป้ายใต้โต๊ะ กำลังเปิดยูทูบฟังเพลงใสๆ แทะมะม่วงเมาท์ละครเมื่อคืนกับเพื่อนโต๊ะข้างๆ เขาไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วเรามานั่งหงุดหงิดอยู่ทำไม ทำร้ายตัวเองไปทำไม ทำใจให้สดใสยิ่งกว่าเขาสิ! สูดหายใจเข้าออกๆๆ แล้วหันไปทำอย่างอื่นที่บันเทิงแทน
 

3. ระบายให้คนที่ดูมีปัญญาผุดผ่องเป็นยองใย

     เกิดเป็นผู้หญิงเจอเรื่องอย่างนี้แถวบ้านเรียกขอเมาท์หน่อยเหอะ แต่อยู่ในออฟฟิศพูดสุ่มสี่สุ่มห้า หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ถ้าอดทนได้ รอเวลาเลิกงานแล้วโทรไปปรึกษากับคนที่มีตรรกะในเรื่องงานสายนั้นจริงๆ ขอความเห็นว่าสิ่งที่เราโมโห มันสมควรหรือเปล่า หรือความจริงเป็นอคติในใจที่เราไม่ชอบพี่คนนั้นอยู่แล้ว พอเขาพูดไม่ถูกจริตนิดเดียว เราก็ปรี๊ดขึ้นไปก่อนแล้ว คนๆ นี้จะช่วยเตือนสติให้เรากลับมาสู่โลกความเป็นจริงได้ แต่ถ้าถามผิดคน เอาคนที่ยั่วยุเราให้กระพือความโกรธ รับรองว่าพังจนทำงานต่อไม่ได้ ต้องลาออกไปเหนื่อยหางานใหม่อีก
 

4. พออยู่ในอารมณ์ปกติแล้ว คิดดูว่าเราทำดีพอแล้วหรือยัง

     ให้ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นว่าเรานอบน้อมมีสัมมาคารวะมากพอแล้วหรือเปล่า อาจไม่ต้องถึงขั้นคลานเข่า แต่ต้องมั่นใจว่าเราสุภาพ พูดมีหางเสียงกับพวกพี่ๆ ลุงป้าน้าอาในที่ทำงานแล้ว ก่อนที่เราจะถามอะไร ให้ดูว่าเราได้พยายามศึกษาทุกอย่างมาแล้ว แต่ถ้าไม่รู้จริงๆ ก็ต้องออกตัวเลยว่าหนูไม่ทราบตรงนี้จริงๆ ค่ะ ถ้ามนุษย์ลุงมนุษย์ป้าจะดูถูกเหยียบย่ำก็ปล่อยเขาไป เราก็หันไปถามคนที่พร้อมเต็มใจจะสอน ทำชีวิตตัวเองให้มีทางเลือก ไม่อย่างนั้นเครียดแย่
 

5. บอกตัวเองไว้ว่าอนาคตเราต้องทำให้ดีกว่าพวกเขา

     ไม่ว่าใครจะแย่ใส่แค่ไหน แต่เราต้องได้บทเรียนจากเรื่องนี้สอนใจตัวเองหนักๆ ว่าแก่ไป ฉันจะไม่เป็นมนุษย์ป้าสร้างความรำคาญใจอย่างนี้ให้กับเด็กๆ รุ่นใหม่เด็ดขาด ฝึกตัวเองให้เป็นคนมีเหตุผล ก่อนจะพูดอะไรกับใครให้คิดถึงใจคนฟัง เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะออฟฟิศจะน่าอยู่น่าทำงานก็มาจากทุกๆ คนเริ่มจากตัวเราเองเลยแล้วกัน