Bangkok post> Jobs > Career guide

5 วิธีคิด ก่อนที่คุณจะหมดไฟในที่ทำงานแบบสุดๆ

 

    มีเพื่อนสาวเราคนหนึ่ง เธอเบื่องานสุดขีด แบบจะออกไม่ออกดี…ออกไม่ออกดี นั่งลังเลแบบนี้ทุกวัน นางบอกว่า…งานก็ไม่ได้แย่นะ แต่มันเซ็งๆ บอกไม่ถูกน่ะ “แบบเรามั่นใจว่าทำทุกอย่างๆ เต็มที่แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่ฟูลฟิลในชีวิต” และเราเชื่อมากๆ ว่าไม่ใช่แค่เธอ แต่ในสภาวะสังคมการทำงานยุคนี้ สาวออฟฟิศหลายคนก็กำลังนั่งเหม่ออยู่หน้าคอมเหมือนกันแหละว่า…ทำไงดี ให้ไฟลุกโพลงแบบอยากตื่นไปทำงานโคตรๆ อีกครั้ง!
 

ลงทุนด้วยการสร้างหนี้เล็กๆ สักก้อนไปเลย

อันนี้เราพูดจริง คือหนามยอกต้องเอาหนามบ่งไปเลย มีเพื่อนสาวเราอีกคนหนึ่งนางก็หมดไฟเหมือนกัน แต่พอคิดว่าเบื่อจุงวุ้ย อยากลาออก นางก็จะคิดขึ้นมาได้ทันทีว่า “อุ่ย…ไม่ได้สิ เราต้องผ่อนคอนโดสี่ล้านที่เพิ่งดาวน์ไป” แค่นี้นางก็สบายใจไฟลุกโชน ก้มหน้าทำงานหนักต่อไปได้ทันที อันนี้เราแนะนำเฉพาะสาวๆ ที่พร้อมจะมีเงินลงทุนแล้วเท่านั้นนะจ๊ะ…จะได้ประโยชน์มาก มีไฟแล้วยังมีอสังหาริมทรัพย์ในครอบครองด้วยเลยเป็นไง แต่ไม่ใช่ไปสร้างหนี้แบบรูดบัตรซื้อแบรนด์เนมจนหมดตัวนะ อันนั้นไม่ฉลาดละ

ทำงานให้สโคปใหญ่กว่าเดิม

คือนอกจากทำงานตาม Job Description ของเราเองแล้ว ขุดหาเลยว่า มีจุดอ่อนตรงไหนในทีม หรือในองค์กรที่ยังไม่ถูกแก้ไขรึป่าว เสนอตัวเอง ลองวาง Strategy แล้วลงมือทำเลย ลองคิดซะว่า เราคือเจ้าของบริษัท แล้วอยากทำให้มันดีขึ้นยังไง การลงมือทำเรื่องใหญ่ๆ แล้วมันทำได้ เชื่อสิว่าเป็นการช่วยจุดไฟให้เราอีกครั้งนึง

ทำงานให้หนักขึ้นอีก

ถ้าคิดว่าทำงานหนักแล้ว ก็ทำให้หนักขึ้นอีก แบบที่ไม่มีเวลามานั่งเซ็งเลยแหละ ลองทำดูสักสองสามวีค รู้ตัวอีกที เราจะลืมไปเลยว่าเราหมดไฟอยู่ มีผลสำรวจล่าสุดจาก London Business School บอกว่า มีผู้หญิงทำงานเพียง 14% เท่านั้นที่ฝันถึงการมีชีวิตชิลๆ แบบ Work-Life Balance และผู้หญิงอีก 44% จะมีความสุขสุดๆ เมื่อได้ทำงานเต็มที่จนตัวเองพอใจ และอีก 34% คือพวกเธอต้องการให้บริษัทยอมรับว่าเธอคือผู้นำทีมที่ดีได้ เราบอกเลยว่า การทำงานให้หนักเข้าไว้ จะฝึกให้เราเป็นคนโฟกัส และตัดเรื่องดราม่าออกจากชีวิตได้ดีมาก ใครมาดราม่าใส่ เราขอไม่คุยนะ จะคุยเรื่องงานเนื้อเน้นๆ

หาเรื่องใหม่ๆ ในชีวิตมาโฟกัสแทน

เป็นสาวมาร์เก็ตติ้งอยู่…แต่ลองไปลงเรียนทำอาหารแบบจริงจัง ทำงานบัญชีอยู่…ลองไปเข้าคลาสเรียนวาดรูปสีน้ำเลย หรือใครทำงานออฟฟิศแบบอยู่ตัวแล้ว มันใจว่าชีวิตวันทำงานเราเอาอยู่แน่นอน ลองเริ่มทำธุรกิจของตัวเองเลย อยากขายเสื้อผ้าออนไลน์ ลองลงมือทำควบคู่ไป อยากทำขนมขาย เอาเวลาเสาร์อาทิตย์ หรือตอนกลางคืน กลับบ้านมาอบขนมให้เต็มที่ มีรุ่นพี่คนหนึ่งเคยบอกว่า “การทำงานหลายสิ่งพร้อมๆ กันในชีวิต มันจะดูเหมือนเราจะทำไม่ไหวในตอนแรกๆ แต่เชื่อไหมว่า ยิ่งเรางานยุ่ง เราจะยิ่งฝึกตัวเองให้มาเนจชีวิตได้เก่งขึ้นกว่าเดิม งานทุกอย่างจะถูกจัดการได้โปรกว่าเดิม เสร็จเร็วกว่าเดิมซะอีก”

ถ้าหมดไฟกับงานนี้แบบสุดๆ แล้ว…

แนะนำว่าลองมานั่งนิ่งๆ พิจารณากับตัวเองแบบเคลียร์ๆ ดูเลย ถ้าเราจะฝืนต่อไป จะมีอะไรดีขึ้นมั๊ย ลิสท์ Pros & Cons ออกมาบนกระดาษ ข้อดีของงานนี้คืออะไร ข้อเสียคืออะไร ถ้าตัดสินใจได้แล้วว่า งานนี้ล่ะคืองานในฝันของเราแล้ว แค่เบื่อกับมันไปบ้าง ลองย้อนกลับไปทำตาม 4 ข้อข้างบน แต่…ถ้าคิดแล้วว่างานนี้อาจจะไม่ใช่อีกต่อไป แต่ก็ยังไม่มีเวลาไปหางานใหม่ ให้เริ่มตั้งเป้าเลยว่า เราจะทำงานที่นี่ไปถึงเมื่อไหร่ อีก 3 เดือน 5 เดือน หรือจนจบโปรเจ็คท์ที่เรารับผิดชอบ แล้วเมื่อนั้นเราจะออกทันที จะได้งานใหม่หรือไม่ก็ไม่เป็นไร ขอไปใช้ชีวิตตามที่ฝันสักแปบ ไปเรียนดำน้ำที่ฮาวายด้วยเงินที่เก็บมาได้ และในนาทีคุณตัดสินใจหาไดเร็คชั่นชีวิตได้แล้วนั่นล่ะ…แววตาเป็นประกายในชีวิตจะเด้งกลับมาอีกครั้ง