Bangkok post> Jobs > Career guide

อายุพนักงานกับการทำประกัน

  • Published: Feb 23, 2016 16:18
  • Writer: Post Today | 1 viewed



ดร.กฤติน

     องค์กรยุคใหม่ที่ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถของพนักงาน ก็ต้องคิดหาวิธีการที่จะทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกที่ดีต่อองค์กร เมื่อพนักงานได้รับการบริการที่ดีจากองค์กร ก็จะมีความทุ่มเทให้บริษัท หลักการบริหารองค์กรก็ต้องอาศัยผู้บริหารที่มีทักษะ ความรู้ และมีจิตวิทยาการบริหารคนควบคู่เข้ามาด้วย

     ถ้าเรามาพิจารณาเรื่องกระบวนการบริหารที่มีสิ่งที่ใส่เข้าไป ซึ่งประกอบไปด้วย 4M เริ่มตั้งแต่ คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ และการจัดการ

     คน จะเป็นส่วนประกอบแรกที่จะทำให้องค์กรจะไปได้หรือไม่ ต่อมาคือ เงิน ถ้าองค์กรใดที่บริหารด้านค่าใช้จ่ายให้ประหยัด มีประสิทธิภาพ ก็จะทให้องค์กรมีต้นทุนที่ต่ำสามารถเอาชนะคู่แข่งขันได้ สามารถกำหนดราคาขายได้ในราคาที่ถูกกว่า ได้กำไรมากกว่า

     สำหรับวัสดุอุปกรณ์ ก็จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้บริษัทมีสินค้าที่ดี มีมาตรฐาน ก็เพราะว่ามีวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง ก็จะทให้วัตถุดิบที่นมาผลิตสินค้าเกิดความมั่นใจในกระบวนการผลิต สินค้าที่ออกมาได้มาตรฐาน ไม่มีการเคลมสิน ค้ากลับมายังบริษัท ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง มีการส่งมอบสินค้าได้ทันเวลา ทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ เมื่อเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา จะมีส่วนทำให้สินค้ามีคุณภาพ ส่งผลให้ยี่ห้อ/แบรนด์ของสินค้าติดตลาด

     ตัวสุดท้าย คือ การบริหารจัดการ ซึ่งผู้บริหารจะต้องคิดแผนกลยุทธ์ในการบริหารองค์กรที่เป็นเทคนิคใหม่ๆ เพื่อที่จะได้นำมาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรให้มากที่สุด

     ส่วนใหญ่ผู้บริหารองค์กรก็จะมองถึงพนักงานที่อยู่ภายในองค์กรว่าจะต้องทอย่างไรที่จะทำให้บริษัทได้พัฒนาก้าวไกล โดยใช้พนักงานที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งบางองค์กรเน้นการพัฒนาพนักงานให้มีศักยภาพในการทำงานให้ได้มากที่สุด และยิ่งไปกว่านั้นบริษัทก็ต้องนึกถึงคนที่อยู่ร่วมกับพนักงานคือ ครอบครัว ต้องมีความสุขไปด้วย ถ้าคนในครอบครัวพนักงานไม่มีความสุขก็จะทำให้มีผลต่อการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

     ผู้บริหารองค์กรจึงต้องมีการทบทวนสวัสดิการที่มีอยู่ภายในบริษัท นอกจากจะมีให้กับพนักงานภายในองค์กรแล้ว ยังต้องพิจารณาให้กับครอบครัวพนักงานอีกด้วย เมื่อเกิดกรณีเจ็บ ป่วย จะได้ใช้สิทธิสวัสดิการของบริษัทมามีส่วนช่วยเหลือกรณีดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานเกิดความรู้สึกที่ดี ไม่ลาออกไปจากองค์กรที่เขาทำงานอยู่ แต่การให้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลแก่พนักงานและครอบครัวก็จะส่งผลถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทที่มากขึ้น ยิ่งพนักงานเพิ่มขึ้นมากเท่าไร ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะบริษัทที่มีสวัสดิการให้กับพนักงานเป็นปีๆ ไป

     ผู้บริหารองค์กรต้องคิดหาวิธีการที่จะทำให้ต้นทุนการให้สวัสดิการพนักงานที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งขันได้ ก็ต้องอาศัยบริษัทประกันสุขภาพที่จะเข้ามามีบทบาทในการที่จะมีส่วนรับในเรื่องนี้ไป เพราะว่าการที่บริษัทประกันได้เข้ามามีบทบาทจะมีส่วนทำให้ผู้บริหารองค์กรสามารถทราบต้นทุนที่แท้จริงของแต่ละเดือนแต่ละปีได้เลย ไม่ต้องเช็กข้อมูลพนักงานที่ไปใช้จ่ายในแต่ละเดือน แต่ละปี และมีการรักษาต่อเนื่อง ก็ไม่สามารถเช็กข้อมูลในส่วนนี้ได้เลย เพราะว่าการรักษายังไม่จบ คำถามที่ตามมาก็คือ บริษัทที่จะใช้บริษัทประกันสุขภาพเข้ามามีส่วนช่วยในการแบ่งเบาค่าใช้จ่ายองค์กร จะต้องพิจารณาในส่วนใดของพนักงานบ้าง เพื่อเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ

     จากการเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรหลายแห่ง ก็มักจะใช้อายุของพนักงานภายในองค์กร ผู้บริหารจะต้องสำรวจอายุพนักงานและครอบครัว เพื่อที่จะได้ทราบว่าจำนวนอายุงานของพนักงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณเท่าใด ซึ่งจะขอยกตัวอย่างข้อมูลที่ผู้เขียนเคยทำเอาไว้สำหรับองค์กรแห่งหนึ่ง จากตัวอย่างที่ได้ยกมาจะเห็นได้ว่าบริษัทแห่งนี้มีอายุพนักงานเฉลี่ยที่ 20-30 ปี เสียเป็นส่วนใหญ่ การทำประกันสุขภาพก็จะไม่คุ้ม ที่บริษัทจะต้องจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัวของพนักงานทั้งหมด ทั้งๆ ที่พนักงานในช่วงอายุดังกล่าวมักจะไม่ค่อยเจ็บป่วยเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล

     การจ่ายที่เป็นตัวเงินโดยที่พนักงานไม่ได้เจ็บป่วย บริษัทก็ไม่คุ้มที่จะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันที่เป็นตัวเงินต่อพนักงานเป็นรายคน ถ้าบริษัทเลือกให้พนักงานใช้สวัสดิการที่เป็นของบริษัทจะคุ้มกว่า เพราะว่าอายุพนักงานส่วนใหญ่มีอายุค่อนข้างน้อย การเจ็บป่วยที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็จะน้อยตามไปด้วย ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ ผู้บริหารควรตัดสินใจให้ใช้สวัสดิการที่อยู่ในรูปสวัสดิการของบริษัทจะคุ้มกว่าที่จะเลือกใช้บริษัทประกันสุขภาพ

     การบริหารจัดการของผู้บริหารก็จะต้องมีความรอบคอบในการตัดสินใจที่จะเลือกใช้แผนกลยุทธ์อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับพนักงานในองค์กรอีกเช่นกัน ซึ่งถ้าจะให้เกิดความมั่นใจและแม่นยำในการตัดสินใจ ก็ควรจะมีการเก็บข้อมูลของพนักงานที่มีการเจ็บป่วย ทั้งที่เป็นการป่วยแบบผู้ป่วยนอกและแบบผู้ป่วยในเป็นข้อมูลประกอบด้วย ก็จะยิ่งทำให้การตัดสินใจได้ง่ายและแม่นยำขึ้น