โดย กฤติน กุลเพ็ง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ การบริหารการฝึกอบรม เป็นปัจจัยสำคัญต่อองค์กร อาจจะพูดได้ว่าเป็นหน่วยงานที่เป็นผู้มองการณ์ไกล เพื่อที่จะกำหนดกลยุทธ์ทิศทางขององค์กรให้พนักงานเดินทางได้ถูกต้องตามที่องค์กรได้คาดหวังไว้

ภายในองค์กร หน่วยงานฝึกอบรมไม่ใช่เป็นผู้สอนหรือเป็นผู้อบรมเอง แต่เป็นผู้ที่จะต้องคิดหาวิธีการที่จะทำให้พนักงานภายในองค์กรเกิดความเข้าใจ มีทักษะเพิ่มขึ้น เมื่อได้รับการอบรมแล้ว อาจจะต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของพนักงานที่เข้าสัมมนาว่าเป็นคนกลุ่มใด เช่น ระดับตำแหน่งสูงหรือผู้สูงอายุหรือวัยรุ่น

การรับรู้คนทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกัน ผู้ที่รับผิดชอบในการฝึกอบรมจำเป็นที่จะต้องหารูปแบบวิธีการ การฝึกอบรมให้เกิดความเหมาะสมกับผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อที่จะให้พนักงานที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้รับประโยชน์จากการฝึกอบรมได้มากที่สุด

"การพัฒนามุ่งไปที่เพิ่มการเรียนรู้ของพนักงาน เพื่อให้มีศักยภาพในการท­ำงานเพิ่มขึ้น โดยมุ่งเป้าหมายระยะยาว"

นั่นคือบทบาทหนึ่งของผู้รับผิดชอบในการฝึกอบรม แต่ผู้ที่รับผิดชอบในหน่วยงานนี้ ไม่ใช่แต่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการฝึกอบรมเท่านั้น หน่วยงานนี้จะต้องมีหน้าที่ในการพัฒนาพนักงานที่เป็นระดับต้นให้มีการเติบโตเป็นพนักงานระดับหน้า ผู้จัดการในอนาคตอีกด้วย พอพูดถึงหน้าที่ของหน่วยงานฝึกอบรม ก็จะมองลึกไปจนถึงการพัฒนา การสร้างคนเพื่อให้มีการเติบโตในอนาคต

การพัฒนามุ่งไปที่เพิ่มการเรียนรู้ของพนักงาน เพื่อให้มีศักยภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น โดยมุ่งเป้าหมายระยะยาวดังนั้นผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งของหน่วยงานฝึกอบรมต้องเข้าใจองค์กรก่อนว่า เป้าหมาย ทิศทางขององค์กรจะมุ่งเน้นไปในทิศทางใด จะได้เตรียมความพร้อมพนักงานให้มีความรู้ทักษะ ความสามารถได้ทันความต้องการขององค์กร

ผู้เขียนจึงอยากจะขอเพิ่มทักษะการฝึกอบรมแนวใหม่ที่หน่วยงานฝึกอบรมจำเป็นต้องทราบเพิ่มเติม ไม่ใช่เป็นเพียงนำวิทยากรมาฝึกอบรมให้บริษัทแล้วก็จบกันไป คงต้องวางแผนไว้อย่างชัดเจน เพื่อจะได้ตอบโจทย์ของบริษัทได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โดยหน่วยงานฝึกอบรมจะต้องมีความเข้าใจที่จะ

     1. หาวิธีการอื่นๆ ที่ดีกว่าการฝึกอบรมในชั้นเรียนมาใช้เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานและเรียนรู้/พัฒนาตนเองไปพร้อมๆ กันได้

     2. การฝึกอบรมจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลงานที่ดีเลิศให้กับองค์กร

     3. การฝึกอบรมจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมในระบบงาน กล่าวคือ ช่วยให้พนักงานเกิดทักษะและความชำนาญสูงในงานของตน จนสามารถคิดและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในงานของตนได้ เป็นการลดขั้นตอนในการทำงาน ทำงานได้ง่ายขึ้น

     4. มุ่งพัฒนาสมรรถนะหลัก (Competencies) ของพนักงานให้ทันกับความต้องขององค์กร

เท่านั้นยังไม่พอ หน่วยงานฝึกอบรมจะต้องทราบบทบาทของตัวเองและทราบวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมเสียก่อน ว่าเราจะอบรมกลุ่มเป้าหมายใด และเพื่อที่จะทำให้เกิดพฤติกรรมอย่างไรที่องค์กรต้องการ ซึ่งจะต้องหาวิธีการอย่างไรให้พนักงานภายในองค์กรให้เกิดการรับรู้และเกิดความเข้าใจนำไปใช้ปฏิบัติให้เกิดผลดีต่อบริษัท โดยบริษัทพร้อมที่จะทุ่มเทงบประมาณ ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ผู้ที่ฝึกอบรมจะต้องคิดค้น การประเมินผลที่ได้อบรมไปแล้วว่าได้ผลคุ้มค่าตามที่ได้ลงทุนไปหรือไม่

หัวใจของนักฝึกอบรมจำเป็นต้องเข้าใจในเบื้องต้นเสียก่อนว่าจะต้องรู้และเข้าใจบทบาทของตัวเองอย่างไร เมื่อเข้าใจวัตถุประสงค์ บทบาทของตัวเองแล้ว สิ่งต่อมาที่ผู้รับผิดชอบจะต้องทราบต่อมาก็คือ กระบวนการขั้นตอนของการฝึกอบรม ว่าจะต้องวางแผนขั้นตอนในการทำงานอย่างไรถึงจะบรรลุเป้าหมาย

การปิดการฝึกอบรม จะเป็นบ่อเกิดของการที่พนักงานภายในองค์กรเกิดความตระหนักว่า ผู้บริหารและบริษัทมีความตั้งใจและให้ความสำคัญ ไม่ใช่ว่ามาเซ็นชื่อเข้าฝึกอบรมและตัวไปทำงาน ถ้าทำในลักษณะนี้ การฝึกอบรมก็จะไม่ได้ประโยชน์ที่แท้จริง ฉะนั้นการฝึกอบรมผู้บริหารขององค์กรจะต้องให้ความสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะให้พนักงานเกิดความตระหนักนั่นเอง

การฝึกอบรมจะมีส่วนช่วยองค์กรเป็นอย่างมาก ถ้าผู้บริหารใส่ใจและเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น จะมีส่วนช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์จากหน่วยงานฝึกอบรมเป็นอย่างมากถึงเวลาแล้วทีผู้บริหารจะต้องมาใส่ใจในหน่วยงานนี้ เพื่อที่จะได้บริหารการฝึกอบรมให้มีทิศทางตามที่องค์กรต้องการสามารถแข่งขันกับธุรกิจได้อย่างมั่นใจ