Bangkok post> Jobs > Career guide

มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ

  • Published: Jan 19, 2016 17:22
  • Writer: Post Today | 1 viewed

     ยุคนี้ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ ต้องออกมาทำธุรกิจของตนเอง เก่งแค่ไหน ตำแหน่งสูงแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นได้แค่ลูกน้องเขา ซึ่งก็ทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายๆ คนกังวลไปเหมือนกัน แต่วันนี้ผมจะไม่คุยว่าอะไรดีกว่าอะไร เพราะบ้างก็บอกว่าถ้าทุกคนคิดแบบนี้กันหมด ธุรกิจคุณจะจ้างลูกจ้างจากไหน แต่วันนี้ผมจะคุยกับกลุ่มคนที่ยังไม่มีโอกาสไปทำธุรกิจของตัวเอง กล่าวคือยังต้องทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ แต่จะทำอย่างไรให้รู้สึกว่าตัวเองก็มีคุณค่าไม่แพ้การไปทำธุรกิจส่วนตัว

     ชีวิตผมสัมผัสทั้งคนที่ทำธุรกิจและคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือน แต่จะหนักไปทางมนุษย์เงินเดือนเป็นหลัก เพราะผมก็เป็นหนึ่งในนั้น อยากจะบอกว่าเราสามารถประสบความสำเร็จบนเส้นทางมนุษย์เงินเดือนได้ ความคิดที่ไม่น่าถูกต้องนัก คือความคิดที่ว่าเรากำลังทำงานให้คนอื่น เราไม่ปฎิเสธว่าเรามีหัวหน้างาน และรับเงินเดือนของบริษัทที่เจ้าของคือใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่เรา แต่เราเองยังสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตเราเองได้ ไม่ใช่ผู้อื่น เรายังสามารถตัดสินใจได้ว่าศักยภาพในการทำงานของเรานั้นอยู่ตรงไหน และความสำเร็จในชีวิตเราคืออะไรแม้จะไม่ใช่ธุรกิจของเราเอง

     ไม่ว่าสภาพแวดล้อมเราจะเป็นอะไร เราสามารถเปลี่ยนมันได้เสมอ ซึ่งเราสามารถทำได้ในที่ทำงานของเรา ในทุกๆ วันเรามีโอกาสเก่ง ในทุกๆ วันเรามีโอกาสโดดเด่น และเหนือกว่าใครๆ ก็ย่อมได้ เราสามารถเสนอแนะเพื่อสร้างความพึงพอใจต่อสินค้าหรือบริการที่มากกว่าเดิมให้ลูกค้าได้ เราสามารถคิดวิธีการใหม่ๆ เพื่อที่จะประหยัดงบประมาณให้บริษัทได้ เราสามารถช่วยเหลือเพื่อร่วมงานให้ทำงานให้ดีขึ้นได้ หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและตัวเราเองได้

     บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักจะมีพนักงานที่ชอบคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เพราะการคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ จะช่วยพัฒนาการทำงานและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกคนมีความคิดริเริ่ม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะดึงมันออกมาใช้เมื่อใด ที่ใด และมากน้อยเพียงใด หรือไม่ดึงออกมาใช้เลย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา หลายต่อหลายครั้งที่ความคิดริเริ่มของพนักงานเกิดจากสิ่งรอบตัว แต่กลับเป็นกลยุทธ์หรือแนวทางการทำธุรกิจที่สำคัญต่อบริษัท

     การคิดริเริ่มจะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ เราต้องคิดใหม่ทำใหม่ไปเพื่ออะไร คำตอบคือ ทำไปเพื่อปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การประหยัดค่าใช้จ่าย การยกระดับอาชีพการงานของเรา เพิ่มโอกาสในการเติบโตในบริษัทนั้น

     แต่ก่อนที่จะริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ นั้น เราต้องเข้าใจก่อนว่าตัวเราและหน้าที่ของเรามีความสำคัญอย่างไรต่อบริษัท โดยตั้งคำถามว่า

1) เราต้องทำอะไรบ้าง บริษัทตั้งตำแน่งงานต่างๆ ขึ้นมาเพื่อพัฒนาบริการให้มีคุณภาพรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดปัญหา และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เราไม่สามารถตอบโจทย์ของบริษัทได้ ถ้าเรายังไม่เข้าใจว่าตำแหน่งเรามีไว้เพื่ออะไร

2) เราเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ ในบริษัทอย่างไร เราต้องทำงานร่วมกับใครบ้างในแต่ละวัน เรามีส่วนช่วยเหลือใคร และใครมีส่วนช่วยเหลือเรา เราจะช่วยงานหัวหน้าได้อย่างไร คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นศักยภาพของตัวเราเอง และรู้ว่าควรเพิ่มศักยภาพนั้นอย่างไร

3) เราช่วยเหลือบริษัทตอนไหนได้บ้าง หน้าที่แต่ละอย่างมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ลองนึกถึงปัญหาของฝ่ายงานเรา แล้วถามตัวเองว่าเราสามารถช่วยแก้ปัญหาตรงจุดไหนได้บ้าง บางครั้งวัตถุประสงค์แต่ละฝ่ายงานก็ขัดแย้งกัน กล่าวคือการริเริ่มบางเรื่องอาจดีต่อฝ่ายงานหนึ่ง แต่จะไปส่งผลกระทบที่ไม่ดีกับอีกฝ่ายงานหนึ่ง เราสามารถหาข้อสรุปตรงกลางที่สามารถพาบริษัทเดินหน้าต่อไปได้ไหม และได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายในระดับหนึ่ง

4) เราช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร เพียงแค่หาคำตอบว่าตำแหน่งหน้าที่เรามีความสำคัญต่อเป้าหมายของบริษัทอย่างไร ถ้าเราเป็นคนขาย ก็ต้องขายของและให้บริการอย่างไร ถ้าเราเป็นฝ่ายสนับสนุนก็ต้องรู้ว่าจะสนับสนุนคนขายให้สามารถขายและให้บริการลูกค้าอย่างดีได้อย่างไร

     การริเริ่ม คือ การคิดใหม่ๆ การกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ การเป็นผู้นำ การทำแบบไม่ท้อ และไม่ง้อใคร ดังนั้นเราต้องมุ่งหน้าอย่าท้อถอย เพราะความอุตสาหะเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่าง อย่ารอคอยพรสวรรค์ เพราะคนที่มีพรสวรรค์แต่กลับล้มเหลวก็เยอะไป เก่งไม่เก่งช่างมัน เพราะคนเก่งๆ แต่ไปไม่ถึงไหนก็มากมี เรียนสูงแล้วไง เพราะคนที่จบสูงๆ มา ตกงานอยู่ก็มีให้เห็น ความอุตสาหะและความมุมานะเท่านั้นที่เอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ได้ โดยส่วนตัวแล้วผมมีคติประจำตัวอยู่ว่า “ไม่มีอะไรยากเกินความตั้งใจของคนเรา ถ้าเรายังทำอะไรไม่สำเร็จ ไม่ใช่เพราะมันยาก แต่เรายังตั้งใจไม่มากพอต่างหาก”

     สุดท้ายก็อยู่ที่เราเลือกว่าเราจะเป็นอย่างไร จะเป็นคนทำงานประจำที่ยังทำงานแบบเดิมๆ ไปทุกวัน แล้วตะโกนหาความก้าวหน้าในอาชีพการงาน และมานั่งคิดว่าควรจะออกไปทำธุรกิจของตัวเองดีไหม เพราะไม่อยากทำงานหนักให้คนอื่น หรือเราจะเป็นคนทำงานประจำที่ชอบคิดริเริ่มในการทำงานใหม่ๆ ตลอดเวลา และไม่กลัวที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเอง หากมั่นใจว่าความคิดนั้นจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดในเส้นทางเดินนี้ เพื่อเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องไปทำธุรกิจส่วนตัว