หลักการทำงานเพื่อส่วนรวม
- 17 กรกฎาคม 2560 เวลา 18:19 น.
- รายงานข่าวโดย: Post Today | 56,242 viewed
ในชีวิตคนเรานั้นกิจกรรมหลักๆ ที่ต้องทำคือการเรียนและทำงาน ซึ่งล้วนเป็นการกระทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น แต่เคยคิดบ้างไหมว่าในสังคมทุกวันนี้ยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เนื่องจากความจำเป็นบางอย่าง อาทิ ความพิกลพิการทางร่างกาย กำพร้า ด้อยโอกาสทางการศึกษา เป็นต้น ซึ่งคนเหล่านี้ต่างก็กำลังรอความช่วยเหลือจากผู้ที่เพียบพร้อมกว่าทั้งแรงกายและกำลังใจเพื่อจะฉุดให้ชีวิตเขาดีขึ้นบ้าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
➤ มีความรู้ความสามารถ
การทำงานเพื่อส่วนรวมนั้นจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ในสังคมหรือองค์กรโดยรวมได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ทำงานจะต้องมีความรู้ความสามารถเพื่อทำให้งานนั้นๆ ราบรื่นและดำเนินไปในแนวทางที่ถูกต้อง หากเป็นคนที่ทำงานส่วนตัวเก่งแต่เป็นความเก่งที่มีความรู้เฉพาะด้านซึ่งไม่เกี่ยวข้องหรือไม่สามารถนำมาปรับใช้กับงานเพื่อส่วนรวมได้ ความเก่งเหล่านั้นก็จะไม่มีประโยชน์เลยในสถานการณ์นี้
ทางออกคือควรจะเลือกทำงานเพื่อส่วนรวมในประเภทงานที่สามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ไปช่วยได้ หรือหากไม่มีทักษะที่สามารถช่วยในงานนั้นๆ ได้เลย แต่มีความตั้งใจจริงที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ก็ควรจะเริ่มเรียนรู้และหมั่นฝึกฝนทักษะความสามารถเกี่ยวกับงานดังกล่าวให้มากที่สุด เพื่อนำความรู้และความสามารถนั้นไปสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม
➤ รู้จักเสียสละ
เป็นที่ทราบกันดีว่าการทำงานเพื่อส่วนรวมนั้นไม่ได้มีเงินเดือนดี สวัสดิการเด่น หรือโบนัสเรือนหมื่นเป็นผลตอบแทนแก่หยาดเหงื่อแรงงานที่เสียไปเหมือนกับการทำงานในบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ดังนั้นผู้ที่จะทำงานด้านนี้ได้ตลอดรอดฝั่งจึงต้องมีคุณสมบัติของการเป็นผู้เสียสละ คือนอกจากจะต้องสละแรงกายแรงใจเพื่อสร้างความสุขความสบายให้แก่คนส่วนใหญ่แล้ว ยังต้องเสียสละในทรัพย์ศฤงคารที่อาจจะสามารถหามาได้มากจากการทุ่มเททำงานส่วนตัว แต่กลับสูญเสียไปเพราะการที่ต้องมารับผิดชอบงานส่วนรวมด้วย
นอกจากนี้ การทำงานเพื่อส่วนรวมยังอาจจะไปเบียดเบียนเวลาพักผ่อน หรือเวลาส่วนตัวสำหรับครอบครัวได้ ผู้ที่รับอาสามาทำงานด้านนี้จึงควรจัดสรรเวลาให้เหมาะสมขณะเดียวกันก็พึงตระหนักเสมอว่าเมื่อใดที่มีเรื่องเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ผู้ที่ทำงานด้านนี้ก็ต้องสามารถเสียสละเวลาส่วนตัวมารับผิดชอบงานส่วนรวมได้ทุกเมื่อ
➤ ช่วยตัวเองให้ได้ก่อนไปช่วยคนอื่น
ดังที่กล่าวไว้ว่าการทำงานเพื่อส่วนรวมนั้นไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนในแง่ของทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้นผู้ที่จะอาสามาช่วยคนอื่นจึงจำเป็นจะต้องช่วยตัวเองและครอบครัวได้ก่อน ในแง่ของการทำงานในมูลนิธิหรือการเป็นอาสาสมัครต่างๆ ผู้ทำงานควรจะมีฐานะหรืออาชีพที่มั่นคงเพียงพออย่างน้อยก็ควรจะเลี้ยงตัวเองได้อย่างไม่ลำบาก แล้วจึงค่อยคิดทำงานเพื่อสังคมส่วนรวม มิเช่นนั้นตัวคุณเองอาจจะกลายเป็นภาระให้แก่คนอื่นๆ ได้ ส่วนผู้ที่ไม่มีทุนทรัพย์หรือมีงานทำเป็นหลักแหล่งแน่นอน แต่มีใจที่จะทำประโยชน์เพื่อสังคมก็อาจจะช่วยเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่ก็ต้องรู้จักประมาณตนเองด้วย
สำหรับการทำงานเพื่อส่วนรวมในแง่ของการมีตำแหน่งหน้าที่ในระดับประเทศนั้นอาจเป็นข้อยกเว้นที่ไม่จำเป็นจะต้องมีงานประจำแต่ในทางตรงกันข้ามผู้ที่อยู่ในจุดนี้ควรเคลียร์ตัวเองจากงานส่วนตัวให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ไม่เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ขึ้นในภายหลัง
➤ มีจุดยืนที่แน่นอนและอดทนต่ออุปสรรค
การทำงานเพื่อส่วนรวมต้องการคนที่มีอุดมการณ์แน่วแน่ เมื่อตั้งใจจะอุทิศตนเพื่อส่วนรวมแล้วก็ต้องไม่เลือกงานหรือเกรงกลัวต่อความยากลำบาก ที่สำคัญคือการกระทำนั้นต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องและไม่ก่อความเดือดร้อนให้ผู้อื่น อีกทั้งจะต้องไม่หวั่นไหวต่อแรงยั่วยุจากผู้ไม่หวังดีที่เข้ามาตีสนิทเพราะต้องการฉกฉวยเอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่ตั้งใจทำงานเพื่อสังคมเกิดกิเลสตัณหาและหลงผิดมัวเมาไปกับอบายมุขต่างๆ ได้
การทำงานเพื่อคนหมู่มาก อาจจะมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจอยู่ในคราวเดียวกัน จึงควรทำใจให้ชินว่าอย่างไรเสียก็ต้องเผชิญกับคำตำหนิ แต่อย่าได้เพิกเฉยต่อเสียงติติงเหล่านั้น ในทางกลับกันควรนำคำตำหนิติติงมาแก้ไขหรือพัฒนาให้ดีขึ้น
➤ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว
ในการทำงานเพื่อส่วนรวมย่อมมีเรื่องของผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงคือเรื่องเงินๆ ทองๆ จำพวกงบประมาณในด้านต่างๆ และทางอ้อมคือเรื่องของอิทธิพลอำนาจ ผู้ทำงานด้านนี้จึงต้องเห็นแก่ประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นสำคัญไม่ตัดสินใจหรือดำเนินการใดๆ ไปเพราะสิ่งนั้นจะนำผลประโยชน์หรือความสะดวกสบายมาสู่ตนเอง อีกทั้งจะต้องมีความเป็นกลาง ยุติธรรม และโปร่งใส ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของพวกพ้อง ไม่ใช้บทบาทหน้าที่ในการช่วยเหลือหรือเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับสมัครพรรคพวก ทั้งนี้ การทำงานเพื่อส่วนรวมนั้นเปรียบเสมือนกับการยืนอยู่ในที่สว่าง ดังนั้น ผู้ที่ทำงานด้านนี้จึงต้องพร้อมที่จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกแขนงสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือความคืบหน้าของงานที่รับผิดชอบได้ตลอดเวลา
➤ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
เป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะทำให้งานนั้นๆ สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะการทำงานเพื่อคนส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันอย่างสามัคคี หากทำงานโดยยึดเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ไม่สนใจความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็รังแต่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งภายใน ส่งผลให้งานเกิดความล้มเหลว ดังนั้นผู้ที่อาสามารับผิดชอบงานเพื่อส่วนรวมจึงควรพึงตระหนักว่าไม่สามารถจะทำให้งานสำเร็จได้ด้วย ตัวคนเดียว และความคิดของตนเองก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอ จึงจำเป็นที่จะต้องพึ่งพิงความรู้ความสามารถของผู้อื่นในการช่วยกันคิดและคลี่คลายปัญหาต่างๆ ด้วย
➤ สานต่อและปฏิบัติงานอย่างจริงจัง
การทำงานเพื่อส่วนรวมส่วนใหญ่ต้องอาศัยความร่วมมือของบุคคลจากหลากหลายหน่วยงาน ซึ่งต่างก็มักจะมีงานส่วนตัวที่ต้องรับผิดชอบเดิมอยู่แล้ว ส่งผลให้บ่อยครั้งมากที่มีการประชุมวางแผนงานเพื่อส่วนรวม ทุกคนจะทุ่มเทและแสดงความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ แต่พอออกจากห้องประชุมไปแล้วงานที่ได้ระดมสมองวางแผนกันไว้มักจะยังกองอยู่ในห้องประชุมที่เดิมนั้น ไม่ได้รับการสานต่อหรือนำกลับไปปฏิบัติอย่างจริงจัง เพราะเมื่อออกนอกห้องแล้วทุกๆ คนก็กลับสู่โลกของตัวเอง ทั้งธุรกิจและงานหลักที่ต้องรับผิดชอบจนปล่อยทิ้งไอเดียดีๆ แผนงานต่างๆ ที่คิดกันไว้ว่าจะทำเพื่อส่วนรวมให้หยุดอยู่กับที่ ดังนั้นในสังคมหรือแต่ละองค์กรจึงมักจะเห็นแผนงานดีๆ ที่ไม่สามารถคืบหน้าหรือเป็นจริงขึ้นมาได้อยู่เสมอเพราะมีแต่คนคิดงานแต่ไม่มีคนลงมือทำงานจริงจัง
➤ มีทัศนคติที่ดีต่อโลก
การมีทัศนคติที่ดีต่อโลกถือเป็นปราการสำคัญที่จะช่วยป้องกันผู้ที่อุทิศตนเพื่อส่วนรวมให้ยืนหยัดทำงานนั้นต่อไปได้อย่างยาวนาน เนื่องจากการทำงานในแต่ละวันจำเป็นต้องพบเจอกับปัญหาที่หลากหลายของผู้คนมากมาย บางคนช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นได้เสร็จสิ้นเรียบร้อย แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นผู้ที่มานั่งเครียดกับเรื่องราวต่างๆ แทน การจมตัวเองอยู่กับงานเพื่อคนอื่นอาจส่งผลให้สุขภาพจิตของผู้ทำงานย่ำแย่ลง ดังนั้นการมีทัศนคติที่ดีต่อโลก รู้จักปล่อยวาง ก็จะสามารถช่วยให้ผู้ทำงานแข็งแกร่งและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ในระยะยาว
นอกจากนี้คนที่จะทำงานเพื่อส่วนรวมได้จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตา ต้องการที่จะช่วยเหลือเพื่อนในสังคมและประเทศชาติให้ประสบพบเจอแต่สิ่งที่ดียิ่งขึ้นด้วยใจจริง แล้วงานทุกอย่างจะผ่านฉลุยไปได้ด้วยดี