ประเด็นสุขภาพจิตของพนักงานกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในที่ทำงานมากขึ้น เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครสักคนจะมีปัญหาดังกล่าว อ้างอิงได้จากผลสำรวจที่ระบุว่า 1 ใน 4 ของคนในขณะนี้เผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตมาแล้ว ดังนั้นแล้ว แนวโน้มที่ผู้ว่าจ้างหรือผู้ประกอบการจะต้องทำงานกับพนักงานที่มีปัญหาสุขภาพจิตก็มีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งผู้ว่าจ้างก็จำเป็นต้องสนับสนุนและให้การช่วยเหลือพนักงานเหล่านี้ โดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ที่ถ้าหากพนักงานป่วยถึงขั้นต้องหยุดงานแล้ว ก็อาจจะหมายถึงสัญญาณร้ายของธุรกิจเลยก็ว่าได้

     จอย เรดมอนด์ หัวหน้าด้านการบริการการฟื้นฟูสุขภาพของยูนัม บริษัทประกันภัยจากสหรัฐ จึงได้แนะนำว่า การป้องกันที่จะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตนั้นเป็นหนทางที่ดีที่สุด จึงได้แนะนำ 4 วิธีให้ผู้ประกอบการนำไปใช้

     1. สร้างวัฒนธรรมแห่งการเปิดกว้าง ก่อนปัญหาเกิด มีพนักงานถึง 67% ที่ไม่ได้ระบุว่ามีปัญหาสุขภาพจิตกับผู้ว่าจ้าง เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลตอบรับ ดังนั้นแล้ว ผู้ว่าจ้างควรจะสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง ซึ่งทำให้ลูกจ้างนั้นมีความรู้สึกว่ามีคนคอยช่วยเหลือ และสนับสนุนที่จะพูดเกี่ยวกับปัญหาทางจิตใจ ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามมากขึ้น

     2. สอนให้ผู้จัดการในธุรกิจส่งเสริมเรื่องสุขภาพจิตด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายการจัดการในธุรกิจขนาดเล็กต้องรับผิดชอบหน้าที่หลายอย่าง ซึ่งรวมไปถึงเรื่องสุขภาพกาย และสุขภาพใจของพนักงาน โดยการลงทุนเสริมสร้างทักษะให้กับผู้จัดการนั้น จะช่วยให้ผู้จัดการรับรู้ว่าพนักงานคนใดเริ่มมีสัญญาณว่าจะมีปัญหา และเข้าใจว่าควรต้องปรับเปลี่ยนหรือรับมือกับพนักงานคนนั้นๆ อย่างไร

     3. พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิตกับพนักงาน ถ้าพนักงานเริ่มมีอาการทางสุขภาพจิตแล้ว เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ทราบจะได้ให้การช่วยเหลือได้ถูก

     4. ให้การสนับสนุนชัดเจนผ่านแพ็กเกจสวัสดิการ เจ้าของธุรกิจสามารถให้การสนับสนุนและช่วยเหลือที่ชัดเจนผ่านสวัสดิการพนักงานได้ เช่น มีการให้คำปรึกษา หรือให้การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ หากพนักงานมีปัญหาทางจิตใจจนต้องหยุดทำงานไปเป็นเวลานาน เป็นต้น

     ด้วยประเด็นเรื่องสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่กลายเป็นประเด็นใหม่ของธุรกิจ ดังนั้นแล้วจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่เจ้าของธุรกิจหรือผู้ว่าจ้างต้องเข้าใจ และเตรียมตัว ทั้งในแง่การให้การสนับสนุน และปกป้องธุรกิจไม่ให้ได้รับผลกระทบ