Gen M หรือ Millennials คือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี ค.ศ. 1984-1996 ที่ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนประมาณ 75% ของกำลังแรงงานของโลก

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้อ่านบทความชิ้นหนึ่งที่เขียนโดย Gen M ชื่อว่า Maggie Cerciello ได้สะท้อนความคิดของเธอ ที่ได้เจอจากการได้เข้าไปฝึกงานกับหน่วยงานแห่งหนึ่ง ตีพิมพ์ลงใน Forbes พูดถึงการที่ถูก “ตีตรา” ว่า Gen M เป็นคนที่ขอบคุณคนไม่เป็น เห็นแก่ตัว ไม่คิดอ่านอะไรอย่างลึกซึ้ง ทำอะไรต้องคิดถึงรางวัลแห่งความสำเร็จ ไม่อดทน และหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง และบทความที่เธออ่านเกี่ยวกับ Gen M ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการบอกคุณลักษณะในเชิงลบ

ซึ่งเธอบอกว่าแต่ละ Gen ก็นำพาทั้งทักษะและความรู้ใหม่ๆ เข้ามาทำงานในองค์กร รวมทั้งคน Gen M ด้วย เธอบอกว่า หากจะมองอย่างใจเปิดกว้าง องค์กรจะใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะของ Gen M ได้เช่นกัน

     ที่ว่ากันว่า Gen M ไม่ค่อยคิดอะไรลึกซึ้ง เธอบอกว่า เพราะพวกเราเป็นพวกยังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่ผ่านการฝึกอบรมและไม่เป็นผู้ใหญ่พอ แต่เรามีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง กล้าตั้งคำถาม ดังนั้น องค์กรควรจะใช้โอกาสนี้ในการถ่ายทอดประสบการณ์ให้เรา ตอบคำถามที่เราสงสัย ส่งต่อความรู้ขององค์กรให้เรา ถือโอกาสนี้ ให้คน Gen ก่อนหน้าได้เป็นคนที่คอยนำทางให้พวกเรา

     ที่ว่ากันว่า Gen M เป็นพวก Hipster ที่ทำอะไรนอกกรอบ เธอบอกว่า องค์กรจะได้ประโยชน์ เพราะการคิดนอกกรอบ ทำอะไรแตกต่างแบบ Hipster ทำให้สามารถสร้างงานได้จากที่ไม่มีอะไร ให้มีอะไรได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีข้อจำกัด

     ที่ว่ากันว่า Gen M เป็นพวกหมกมุ่นอยู่กับสมาร์ทโฟน และจอคอมพิวเตอร์ เธอบอกว่า พวกเราเกิดมาก็เห็นสิ่งเหล่านี้โดยธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์เหล่านี้เป็นเหมือนอวัยวะที่ติดตัวมา แต่ต้องยอมรับว่า โลกนี้หมุนไปด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น การมีคนทำงานในองค์กรที่เป็นพวกหลงใหลในเทคโนโลยีต้องถือว่าองค์กรได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะหากองค์กรต้องการตามทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ต้องใช้คนที่สามารถจะควบคุมและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน ด้วยความรวดเร็วฉับไว 

     เสียงสะท้อนนี้ เป็นประโยชน์มากในการบริหารบุคลากรต่างวัยขององค์กร