Bangkok post> Jobs > Career guide

7 สิ่งสำคัญก่อนเริ่มต้นวันทำงาน

  • Published: Mar 2, 2016 14:04
  • Writer: Post Today | 1 viewed



     ทุกเช้าก่อนทำงาน (โดยเฉพาะวันจันทร์) อาจเป็นช่วงเวลาน่าเหนื่อยหน่ายสำหรับใครหลายคน เริ่มตั้งแต่ต้องรบรากับเจ้านาฬิกาปลุกที่เร่งให้ลุกจากเตียงนอน กระทั่งไปถึงที่โต๊ะก็ต้องนั่งปวดหัวกับงานเก่าที่ค้างเติ่งตั้งแต่เมื่อวาน ปัญหาจุกจิกเหล่านี้ช่างเป็นสิ่งกวนใจที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานอย่างชัดเจนและเบียดเวลาช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของการทำงานไปหมด

     ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำในการแก้ปัญหากับคนวัยทำงานที่มักสูญเสียเวลาช่วงเช้าไป โดยให้คำแนะนำเพื่อสร้างการเริ่มต้นและภูมิคุ้มกันที่ดีต่อการทำงานให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกับย้ำว่าการมีแง่บวกในตัวงานแต่ละวันนั้น จะสามารถสร้างบันไดสู่ความสำเร็จในการประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง

1. มาทำงานให้ตรงเวลา  กฎข้อนี้ถือว่าเป็นข้อปฏิบัติที่สำคัญที่สุดในการทำงานที่พนักงานทุกคนจำเป็นต้องทำ แต่คนส่วนมากมักไม่ให้ความสำคัญในเรื่องเวลาเท่าที่ควร การละเลยที่บ่อยขึ้นทำให้ตนเองมาทำงานสายเป็นประจำ และแน่นอนว่าพฤติกรรมแบบนี้จะกลายเป็นนิสัยติดตัวที่แก้ได้ยากสำหรับคุณ และลุกลามไปเป็นภาพลักษณ์สุดเซ็งสำหรับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ การมาสายไม่เพียงแต่จะสร้างความรู้สึกแย่ให้กับคนอื่นๆ เท่านั้น แต่มันยังทำให้ตารางงานของวันทั้งวันที่วางแผนไว้ปั่นป่วนไปด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะว่าลองปรับระบบการทำงานโดยเริ่มมาเช้าขึ้นวันละนิดหน่อย มันจะช่วยทำให้คุณมีแรงทำงานเพิ่มขึ้นและยังมีไอเดียบรรเจิดที่จะวางแผนงานให้ง่ายขึ้นอีกด้วย

2. ให้เวลาตัวเองก่อนเริ่มงาน  ก่อนตอกบัตรเข้างานในตอนเช้า ลองหัดให้เวลากับตัวเองด้วยการหายใจลึกๆ ลบล้างเรื่องเก่าๆ ที่ไม่สบายใจออกไป และอย่าแบกรับภาระจากทางบ้านหรือเรื่องส่วนตัวเข้ามาปะปนกับการทำงานโดยเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นยาพิษชั้นดีที่จะทำให้คุณอารมณ์เสีย ลินน์ เทย์เลอร์ หนึ่งในผู้เขียนหนังสือเผยว่า ให้เวลากับตัวเองประมาณ 5 นาทีเพื่อพักและค่อยๆ แก้ปัญหา มองภาพการทำงานให้ออกว่าต้องแก้ไขในเรื่องใดบ้าง ล้างเรื่องราวที่ไม่ดีออกไปให้หมดเพื่อเริ่มต้นทำงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มกำลัง

3. สมองโล่ง  งานเก่าจากเมื่อวาน ลูกค้าเบี้ยวนัดจากอาทิตย์ก่อน เป็นเรื่องราวในอดีตที่คุณยึดติดและเก็บมาคิดทั้งวันจนส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานให้รวนไปหมด ผู้เชี่ยวชาญชี้แนะว่า ขอให้คุณทำหัวสมองให้ปลอดโปร่ง ทิ้งงานเก่าและความรู้สึกแย่ๆออกไปให้หมด เพราะการเริ่มต้นที่ไม่ดีตั้งแต่แรกก็เหมือนกับการติดกระดุมเสื้อ หากกลัดกระดุมผิดตั้งแต่ต้นก็ต้องมาเริ่มแก้ไขกันใหม่หมด ตั้งสติใหม่และเตรียมตัวรับมือกับเรื่องราวปัจจุบันให้ดีที่สุด พยายามคิดว่างานที่ทำอยู่นั้นเป็นงานที่สดใหม่และต้องทำให้สำเร็จให้ได้

4. เก็บอารมณ์ให้เป็น ภาวะทางอารมณ์นับว่ามีผลกระทบต่อการทำงานเป็นอย่างยิ่ง ทว่าคนส่วนมากมักไม่ใส่ใจการควบคุมอารมณ์ของตนเอง อีกทั้งยังลืมว่าอารมณ์ส่วนตัวจากคุณคนเดียวมักจะมีผลกระทบต่อคนอื่นๆ มากขนาดไหน เพราะการมาทำงานด้วยหน้าตาที่บึ้งตึงจะทำให้วันทั้งวันของคุณไม่มีความสุข และแถมยังหลุดประเด็นสำคัญต่างๆ ไปอย่างง่ายดายอีกด้วย ลองปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ด้วยการควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง การเปิดรับเรื่องราวความเคลื่อนไหวจากภายนอกจะช่วยทำให้คุณได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ที่แตกต่างมากกว่ามานั่งเก็กซิมกับเรื่องเดิมๆ

5. ยิ้มเข้าไว้  ไมเคิล เคอร์ นักจิตวิทยา เผยว่า การสร้างรอยยิ้มในแต่ละวันจะทำให้การทำงานราบรื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งถ้าคุณอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเจ้านายคน มีลูกน้องบริวารต้องดูแลรับผิดชอบ รอยยิ้มจะเป็นหมือนยาชูกำลังที่จะทำให้ทุกคนเกิดความสุขและความสามัคคีในการทำงานได้ ซึ่งเคอร์เสริมว่า เจ้านายควรมองภาพรวมของงานให้เป็นเรื่องปัจจุบันมากที่สุด อีกทั้งต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเสมอเพื่อเป็นการเปิดรับความคิดใหม่ๆ และเรียกความรู้สึกดีๆ จากลูกน้องได้ นอกจากนี้ ไมเคิล เคอร์ กล่าวเพิ่มว่า ไม่มีลูกน้องคนไหนอยากเห็นหัวหน้าที่คอยทำหน้ายักษ์ตลอดเวลา ลองยิ้มให้กับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาสักครั้ง แม้จะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่มันก็สามารถทำให้ลูกน้องหลายคนคลายความกังวลได้และใจชื้นขึ้นมาได้

6. เรียงลำดับงานให้ถูกต้อง ชั่วโมงเริ่มแรกของการทำงานนับว่าเป็นเวลาที่สำคัญมาก โดย ไมเคิล เคอร์ แนะนำว่า ลองเขียนตารางงาน หรือ To Do List ให้เสร็จก่อนเริ่มทำงาน โดยให้เรียงลำดับเสมอว่างานไหนเป็นงานเร่งด่วนและงานไหนเป็นงานรอง หากหัวหน้ามาสั่งงานตรงหน้าก็ขอให้วางมือจากทุกสิ่งและรับคำสั่งก่อน หลังจากเสร็จงานหลักแล้วจึงค่อยสะสางงานเก่า วิธีนี้จะช่วยทำให้คุณทำงานได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะเขียนโครงร่างงานแล้ว เคอร์ยังแนะนำให้คุณจัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย เรียงเอกสารที่จำเป็นให้ดีที่สุด เพราะบ่อยครั้งที่เจ้านายจะทิ้งโน้ตไว้บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยกระดาษ แต่ด้วยความละเลยจึงทำให้กระดาษแผ่นนั้นถูกขยำลงไปอยู่ในถังขยะ ซึ่งจะส่งผลให้คุณต้องพลาดโอกาสดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ด้วยเหตุนี้เคอร์จึงแนะว่า ก่อนกลับบ้านอย่าลืมเคลียร์โต๊ะทำงานให้เรียบร้อยเพื่อต้อนรับวันใหม่ที่ดีกว่า

7. ระดมสมองก่อนแยกย้าย  การระดมสมองหรือใช้เวลาพูดคุยกันภายในโต๊ะทำงานสั้นๆ เพียง 5-10 นาที อาจจะทำให้การทำงานไหลลื่นไปได้ โดย ลินน์ เทย์เลอร์ เผยว่า การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทีมงานจะส่งผลให้ทุกคนเปิดรับไอเดียใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยต่อยอดการทำงานให้สำเร็จได้ อีกทั้งการพูดคุยกันยังจะส่งผลให้เกิดความร่วมมือจากการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะพร้อมรับมือกับสถานการณ์แปลกใหม่ได้ตลอดเวลา